AI

AI

ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง

Related news and articles

PostType Filter En

บทความ

BDI ชูแพลตฟอร์ม "Envi Link" เชื่อมโยงบิ๊กดาต้า สู้ฝุ่น PM2.5 มากกว่า 200 ชุดข้อมูล ดันเชียงใหม่เป็นต้นแบบจัดการสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
9 – 10 ตุลาคม 2568, เชียงใหม่ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้าพัฒนา “Envi Link” แพลตฟอร์มข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ใช้เทคโนโลยี Big Data เชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลจากกว่า 30 หน่วยงานทั่วประเทศ รวมมากกว่า 200 ชุดข้อมูล เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างเป็นระบบ พร้อมดันจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่องต้นแบบในการขับเคลื่อน “การจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยข้อมูล” เพื่อยกระดับคุณภาพอากาศ คุณภาพชีวิต และความยั่งยืนของเมืองในระยะยาว นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านมลพิษทางอากาศและฝุ่น PM2.5 ต่อเนื่องมาหลายปี การมีระบบข้อมูลที่เชื่อมโยงอย่าง Envi Link เข้ามาช่วยสนับสนุนถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เพราะทำให้จังหวัดมีข้อมูลเชิงลึกและแม่นยำมากขึ้นในการประเมินสถานการณ์ วางแผน และออกมาตรการได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการใช้แดชบอร์ดข้อมูล เพื่อให้ผู้บริหารสามารถติดตามสถานการณ์จริงในแต่ละพื้นที่ พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มและประเมินผลการดำเนินงานจากหลักฐานในเชิงข้อมูล (data-driven decision) ได้อย่างเป็นระบบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือระหว่างจังหวัดกับ BDI ในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการนำเทคโนโลยีข้อมูลมาช่วยแก้ปัญหาฝุ่นควัน แต่ยังเป็นต้นแบบของ “เมืองอากาศสะอาด” ที่ภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาชนจะสามารถใช้ข้อมูลเดียวกันในการติดตามสถานการณ์และร่วมกันวางแผนป้องกันปัญหาได้อย่างมีส่วนร่วม ถือเป็นการยกระดับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเชิงรุก ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริงและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) กล่าวว่า BDI มุ่งมั่นใช้พลังของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในทุกมิติ รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นรากฐานของคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของประเทศ การเชื่อมโยงข้อมูลกว่า 200 ชุดผ่านแพลตฟอร์ม Envi Link ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างระบบข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงหน่วยงานต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งภาครัฐ นักวิจัย ภาคธุรกิจ และชุมชน เพื่อให้เกิดการตัดสินใจเชิงนโยบายที่แม่นยำและตรงจุด ผู้อำนวยการ BDI กล่าวเพิ่มเติมว่า Envi Link เป็นแพลตฟอร์มการบูรณาการข้อมูลเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายมิติ เช่น ค่าฝุ่น จุดความร้อน พื้นที่เผาไหม้ การขอใช้ไฟในระบบ Fire-D และสถานการณ์ผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศ รวมถึงข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพอากาศของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริหารและหน่วยงานในพื้นที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่อัปเดตและเชื่อมโยงกันได้แบบเรียลไทม์ นำไปสู่การบริหารจัดการปัญหาได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที และได้รับการผลักดันต่อยอดให้เป็นแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลาง เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตามความเห็นที่ประชุมคณะทำงานพัฒนาแพลตฟอร์มฐานข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนมาตรการลดมลพิษทางอากาศ (ฝุ่นละออง PM2.5) ในอนาคต BDI มีแผนร่วมมือกับกลุ่มนักวิจัยในพื้นที่ขยายผลการใช้งานแพลตฟอร์ม Envi Link ไปยัง8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เพื่อสร้างระบบข้อมูลสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงกันในระดับภูมิภาค สนับสนุนการวางนโยบายเชิงพื้นที่ การบริหารจัดการไฟป่า และการลดปริมาณฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืน สำหรับโครงการพัฒนาระบบบัญชีข้อมูลและต้นแบบการบูรณาการข้อมูลฝุ่น PM2.5 ได้รับการสนับสนุนจากทุนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ภายใต้การจัดการของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยมีพันธมิตรหลัก ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.), สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.), สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (สทอภ.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ซึ่งต่างมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบบัญชีข้อมูลสิ่งแวดล้อม (Environmental Data Catalog) ที่สามารถรวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเป็นระบบและโปร่งใส เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลางในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน แพลตฟอร์ม Envi Link ยังให้บริการแดชบอร์ดข้อมูลวิเคราะห์มากกว่า 15 รูปแบบ อาทิ แดชบอร์ดตัวชี้วัดการจัดการปัญหาฝุ่นรายจังหวัด ที่รวบรวมข้อมูลจุดความร้อน พื้นที่เผาไหม้ จำนวนวันค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน และสถานการณ์ผู้ป่วยจากมลพิษทางอากาศ เพื่อใช้ติดตามผลและประเมินมาตรการของภาครัฐ แดชบอร์ดเปรียบเทียบพื้นที่ขอใช้ไฟผ่านระบบ Fire-D กับพื้นที่เผาไหม้จริง เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตใช้ไฟกับพื้นที่ที่เกิดการเผาไหม้จริงในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงแดชบอร์ดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น RGUARD, DustBoy, Air4Thai, DPM Alert และ Check Dust เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์ได้อย่างใกล้ชิดและเข้าใจข้อมูลในเชิงพื้นที่มากขึ้น นอกจากนั้น BDI ยังเตรียมต่อยอดการวิเคราะห์ข้อมูลจาก Envi Link เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและนโยบายในมิติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การติดตามพื้นที่เผาไหม้ตามชนิดพืชเศรษฐกิจจากภาพถ่ายดาวเทียม การแนะนำพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการปรับเปลี่ยนพืชในพื้นที่ให้ลดการเผาและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นด้วยข้อมูลภูมิสารสนเทศ นำไปสู่นโยบายการลดเผาที่ยั่งยืน “การดำเนินงานในจังหวัดเชียงใหม่จึงไม่เพียงเป็นจุดเริ่มต้นของการบูรณาการข้อมูลสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อน “Smart Environment” ภายใต้นโยบายเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบนโยบาย การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ” ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี กล่าวปิดท้าย
10 October 2025

บทความ

AI ทำนายทายทัก: การประยุกต์ใช้ Big Data และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการพยากรณ์อนาคต 
การพยากรณ์อนาคตหรือการดูดวง ถือเป็นกิจกรรมที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ยุคโบราณที่มนุษย์เริ่มสังเกตดวงดาว การเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ เพื่อนำมาทำนายฤดูกาล การเกษตร ตลอดจนเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น การเกิด การแต่งงาน หรือการตัดสินใจทางการเมือง หลักฐานทางโบราณคดีในหลายอารยธรรม เช่น บาบิโลน อียิปต์ อินเดีย และจีน แสดงให้เห็นว่ามนุษย์มีความพยายามหาความหมายจากสิ่งเหนือธรรมชาติและปรากฏการณ์ทางจักรวาลมาโดยตลอด และในสังคมไทยเอง การดูดวงก็มีทั้งในรูปแบบโหราศาสตร์ไทย ไพ่ยิปซี พรหมญาณ ตลอดจนศาสตร์การทำนายที่ผสมผสานกับความเชื่อทางพุทธศาสนา การดูดวงจึงไม่เพียงเป็นกิจกรรมทางจิตวิทยาที่ช่วยสร้างความมั่นใจ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน  และในยุคดิจิทัลปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในทุกมิติของชีวิตมนุษย์ แม้กระทั่งการดูดวงเองก็ไม่อาจแยกออกจากการพัฒนาของ ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) การประมวลผลข้อมูลมหาศาลร่วมกับอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) ช่วยให้การทำนายดวงมีความหลากหลายและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการได้ผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และแชตบอตตลอด 24 ชั่วโมง การผสมผสานศาสตร์โบราณกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะสะท้อนถึงพลวัตของสังคมมนุษย์แล้ว ยังชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ Big Data และ AI ในการนำมาใช้กับศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งแต่เดิมอาจถูกมองว่าเป็นนามธรรมและยากต่อการพิสูจน์  ปัจจุบันมีหลายแพลตฟอร์มที่ให้การพยากรณ์ดูดวง เช่น เว็บไซต์ myhora.com หนึ่งในผู้ให้บริการดูดวงออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยให้บริการโหราศาสตร์ไทย การคำนวณดวงชะตาจากวันเดือนปีเกิด การผูกดวง และการพยากรณ์เหตุการณ์สำคัญ ข้อได้เปรียบของแพลตฟอร์มนี้ คือ การนำ ฐานข้อมูลวันเกิด ดวงดาว และหลักโหราศาสตร์ไทย มาวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ได้รับผลการทำนายที่เฉพาะเจาะจงตามข้อมูลส่วนบุคคล หรือแพลตฟอร์ม ChatGPT แม้ ChatGPT ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการดูดวงโดยตรง แต่ผู้ใช้นิยมนำมาเป็น “ผู้ช่วยดูดวง” ด้วยการพิมพ์คำถาม เช่น การทำนายความรัก การงาน หรือโชคลาภ ด้วยเทคนิคการ ประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) ทำให้ AI สามารถตอบสนองต่อคำถามในลักษณะการสนทนาได้อย่างสมจริง นอกจากนี้ ChatGPT ยังสามารถสร้างสรรค์คำทำนายใหม่ ๆ ที่ผสมผสานระหว่างข้อมูลดั้งเดิมกับการประยุกต์ในเชิงจินตนาการ สะท้อนถึงแนวโน้มของการใช้ AI เป็นเครื่องมือสนับสนุนด้านจิตวิทยาและความเชื่อ รวมไปถึงแอปพลิเคชันโหราศาสตร์ต่างประเทศ เช่น Co-Star และ The Pattern ซึ่งอาศัยฐานข้อมูลตำแหน่งดาวเคราะห์จากองค์การนาซา (NASA) และใช้ Machine Learning วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของดวงดาวกับบุคลิกภาพผู้ใช้ แอปเหล่านี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียเพื่อทำนายความเข้ากันได้ระหว่างเพื่อนหรือคู่รัก แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่าง Big Data และ AI กับศาสตร์ดั้งเดิมอย่างลึกซึ้ง  การนำ Big Data และ AI มาประยุกต์ใช้กับการดูดวง สามารถอธิบายได้เป็นลำดับขั้นโดยสังเขป ดังนี้  1. การเก็บรวบรวมข้อมูล (Data Collection) ได้ว่าจะเป็น ข้อมูลเชิงดาราศาสตร์ ตำแหน่งของดวงดาว ดาวเคราะห์ และปรากฏการณ์ทางจักรวาลจากฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์ ข้อมูลผู้ใช้ วันเดือนปีเกิด เวลาเกิด สถานที่เกิด ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพศ ความสนใจ หรือพฤติกรรมออนไลน์ และข้อมูลจากแหล่งสังคมออนไลน์ (Social Media Data) การโพสต์ ความรู้สึก หรือการแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้ ซึ่งสามารถสะท้อนถึงอารมณ์และบุคลิกภาพ  2. การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล (Data Processing & Storage) เมื่อได้ข้อมูลจำนวนมหาศาลแล้ว จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี Big Data เช่น Hadoop, Spark หรือฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์และไม่เชิงสัมพันธ์ (SQL/NoSQL) เพื่อจัดเก็บข้อมูลและเตรียมพร้อมสำหรับการวิเคราะห์  3. การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI ซึ่งมีตัวอย่างที่น่าสนใจมีการนำวิเคราะห์ข้อมูล เช่น  ที่มาภาพ: https://blogs.sas.com/content/subconsciousmusings/2020/12/09/machine-learning-algorithm-use/  ที่มาภาพ: https://www.datasciencecentral.com/top-nlp-algorithms-amp-concepts/  ที่มาภาพ: https://www.geeksforgeeks.org/artificial-intelligence/artificial-neural-networks-and-its-applications/  4. การนำเสนอผลลัพธ์ (Result Presentation) ผลการวิเคราะห์จะถูกนำเสนอผ่านแอป เว็บไซต์ หรือแชตบอต โดยมักปรับแต่งให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละราย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว (Personalized Experience)  5. การเรียนรู้และปรับปรุงต่อเนื่อง (Feedback & Continuous Learning) ระบบ AI จะเก็บข้อมูลปฏิกิริยาของผู้ใช้ เช่น ความพึงพอใจ การแชร์ หรือการใช้บริการซ้ำ นำไปปรับปรุงแบบจำลองการทำนายให้มีความแม่นยำและสอดคล้องกับพฤติกรรมมนุษย์มากขึ้น  การประยุกต์ใช้ Big Data และ AI ในการดูดวงเป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างศาสตร์โบราณกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างลงตัว แม้คำทำนายจะยังไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่การนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้สร้างความน่าสนใจและเพิ่มคุณค่าเชิงประสบการณ์ให้แก่ผู้ใช้ในอนาคต ซึ่งมีผลกระทบต่อมนุษย์และสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงที่ง่ายและรวดเร็ว ผู้ใช้สามารถดูดวงได้ทุกที่ทุกเวลา มีการปรับแต่งเฉพาะบุคคลโดย AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้คำทำนายมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อีกทั้งเป็นการผสมผสานความบันเทิงและจิตวิทยา บริการดูดวงช่วยบรรเทาความวิตกกังวล และสร้างความมั่นใจ ทำให้มีการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมดูดวงออนไลน์สร้างรายได้และเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาธุรกิจดิจิทัล  แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ควรต้องพึงระวัง คือ ปัญหาความถูกต้อง เนื่องจากคำทำนายที่ได้จาก AI เป็นเพียงความน่าจะเป็นไปได้ตามฐานคำนายที่มี และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมากอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านการรั่วไหลได้ อีกทั้งการพึ่งพามากเกินไป ผู้ใช้บางรายอาจหลงเชื่อคำทำนายจนส่งผลต่อการตัดสินใจที่สำคัญในชีวิต รวมไปถึงข้อถกเถียงทางจริยธรรม การใช้ AI ในการเสริมสร้างความเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้  จึงทำให้เราควรตระหนักและให้ความสำคัญในการพัฒนามาตรฐานด้านความปลอดภัยข้อมูล เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และการสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัล (Digital Literacy) ให้ผู้ใช้เข้าใจว่าคำทำนายจาก AI มีข้อจำกัด รวมทั้งการวิจัยและพัฒนา ในการผสมผสานข้อมูลวิทยาศาสตร์จิตวิทยาเข้ากับการดูดวง เพื่อเพิ่มคุณค่าเชิงวิชาการ และการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การสร้างแพลตฟอร์มที่ผสมผสานความบันเทิง การศึกษา และการเสริมกำลังใจให้ผู้คน  เอกสารอ้างอิง  https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/1369118X.2012.678878 https://bernardmarr.com/wp-content/uploads/2022/05/Big-Data-Esampler-1.pdf http://lib.ysu.am/disciplines_bk/efdd4d1d4c2087fe1cbe03d9ced67f34.pdf 
6 October 2025

บทความ

BDI MOU World Bank ขับเคลื่อนการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการคุ้มครองทางสังคม ยกระดับประเทศด้วย Data-Driven Nation
30 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมด้วย Mr. Alejandro Alcala-Gerez, Manager, Operations ธนาคารโลก (World Bank) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) กับธนาคารโลก (World Bank) โดยมีคณะผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 205 อาคารสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ซอยลาดพร้าว 12 กรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 หน่วยงานได้ริเริ่มโครงการความร่วมมือ ว่าด้วยการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการคุ้มครองทางสังคม (Social Protection) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประสานความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ธรรมาภิบาลข้อมูล การบริหารจัดการแพลตฟอร์มข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความปลอดภัยทางข้อมูล โครงสร้างแพลตฟอร์มพื้นฐาน การพัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้การรวบรวม การจัดการ และการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการกำหนดนโยบาย และการดำเนินโครงการด้านการคุ้มครองทางสังคมของประเทศไทย ภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ จะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ Workshops ให้กับเจ้าหน้าที่ของ BDI โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเรียนรู้วิธีการสกัดข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูล (Data Insights) เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือหลากหลายสำหรับการสร้างภาพข้อมูล (Data Visualization Tools) อีกทั้งยังมีการนำเสนอการใช้ประโยชน์และจัดการข้อมูลจากหลาย ๆ ชาติอีกด้วย นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศด้วย Data-Driven Nation ครอบคลุมทุกมิติอย่างแท้จริง   
30 September 2025

บทความ

BDI เดินหน้าพัฒนา “HealthLink” แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระดับประเทศ เชื่อมโยงกว่า 8,000 หน่วยบริการ พร้อมดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง
25 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย นพ.ธนกฤต จินตวร First Executive Vice President ร่วมเสวนาหัวข้อ Towards Interoperable Digital Health: Sharing Data While Safeguarding Trust ภายในงานสัมมนา Healthcare Technology Summit 2025 ภายใต้แนวคิดUnlocking the Last Mile of Responsible Al for Healthcare จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ณ ห้อง Mayfair Ballroom โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ นพ.ธนกฤต กล่าวถึงความคืบหน้าของ โครงการ Health Linkว่า โครงการถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย การที่ข้อมูลผู้ป่วยไม่สามารถตามตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลปลายทางได้ทันเวลา ส่งผลให้การรักษาไม่ต่อเนื่องและการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แพลตฟอร์ม Health Link สามารถทำให้ข้อมูลสุขภาพเดินทางไปพร้อมกับคนไทยทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการย้ายโรงพยาบาล การเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือแม้กระทั่งการรักษาในต่างประเทศ แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติการแพ้ยา วัคซีน การวินิจฉัย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ และภาพถ่ายทางการแพทย์ได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบัน Health Link ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 8,000 หน่วยบริการสุขภาพ ตั้งเป้าจะขยายครบ 10,000 แห่งภายในปีนี้ ครอบคลุมโรงพยาบาลภายใต้สังกัด 5 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนโรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนผ่านภายใต้มาตรฐานสากล เพื่อให้ระบบ HIS กว่า 60 ระบบในประเทศสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ นี่ไม่ใช่แค่การสร้างระบบดิจิทัล แต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพดิจิทัล (Digital Health Sovereignty) ของประเทศ เราต้องการให้ข้อมูลสุขภาพสำคัญของคนไทย มีมาตรฐานกลางเดียวกัน และพร้อมต่อยอดสู่การใช้ Big Data และ AI เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชนในอนาคต นพ.ธนกฤต กล่าวปิดท้ายว่า แพลตฟอร์ม Health Link ยังช่วยอำนวยความสะดวกรองรับให้กับโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ดำเนินการได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสมัครการใช้งานระบบ Health Link ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เลือก “กระเป๋าสุขภาพ” ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองได้ทันที ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความปลอดภัย สำหรับงานสัมมนา Healthcare Technology Summit (ครั้งที่ 12) จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีนำเสนอแนวทางและนวัตกรรมในการขับเคลื่อน Digital Health เพื่อการพัฒนาและยกระดับสาธารณสุขประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างมีคุณภาพทั่วถึง ทุกที่ และเท่าเทียม
25 September 2025

บทความ

BDI แสดงศักยภาพโชว์ผลงานการประยุกต์ใช้ Big Data และ AI ในมหกรรมเทคโนโลยี September Series 2025
24 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย นพ.ธนกฤต จินตวร First Executive Vice President เข้าร่วมพิธีเปิด โครงการ September Series 2025 ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานดังกล่าว นอกจากนี้ นายปฏิภาณ ประเสริฐสม ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล และผู้จัดการโครงการ ThaiLLM BDI ขึ้นเวที Big Data & Cloud Computing บรรยายหัวข้อ Data Strategy for AI & Cloud: Building a Future-Ready Foundation โดยย้ำว่า กลยุทธ์ข้อมูล (Data Strategy) เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการใช้ Cloud อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจัดการคุณภาพข้อมูล การกำกับดูแล (Data Governance) และการใช้มาตรฐานสากลเพื่อให้ข้อมูลพร้อมนำไปใช้งานจริง นายปฏิภาณ กล่าวอีกว่า การออกแบบสถาปัตยกรรมข้อมูลทั้ง Data Lake, Data Warehouse และ Data Lakehouse จะช่วยให้องค์กรสามารถรองรับข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง เพื่อใช้ประโยชน์ในงาน AI ตั้งแต่ Machine Learning จนถึง Generative AI และระบบ LLM ที่กำลังเติบโต ทั้งนี้ ยังได้เน้นถึงการเลือกใช้ Cloud, On-Premise หรือ Hybrid ตามความเหมาะสม รวมถึงการทำ Governance ของข้อมูลที่นำมาใช้ฝึกฝนหรือใช้งานร่วมกับ AI เพื่อให้การใช้ข้อมูลและ AI มีความปลอดภัย เป็นกลาง และตอบโจทย์การใช้งานในอนาคต ภายในงานเจ้าหน้าที่ BDI ได้ร่วมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration & Intelligence Platform (D2) เพื่อมุ่งมั่นในการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากหลากหลายภาคส่วน เสริมสร้างการวางแผนเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Data-Driven Nation อย่างแท้จริง สำหรับงานดังกล่าวจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 25 กันยายน ประกอบด้วย 4 เวทีเทคโนโลยีแห่งปี คือ 1. Healthcare Technology Summit (ครั้งที่12) 2. Digital HR Forum (ครั้งที่8) 3. Robotics Summit (ครั้งที่8) 4. Big Data & Cloud Computing (ครั้งที่7) ถือเป็นอีกเวทีที่สำคัญในการรวบรวมผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ฝ่ายบุคคล วงการสุขภาพ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่พร้อมยกระดับทักษะขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลในทุกมิติ
24 September 2025

บทความ

BDI ร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนา DE ครบรอบ 9 ปี พร้อมร่วมโชว์แพลตฟอร์ม D2 ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Data-Driven Nation อย่างแท้จริง
19 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI นำโดย ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมด้วย พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบูรณาการข้อมูล เข้าร่วมพิธีไหว้ศาลพระพรหม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ครบรอบ 9 ปี ภายใต้แนวคิด “9 Years of DE: Building the Digital Future” โดย ศ. พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง ณ บริเวณศาลพระพรหม อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) หลังจากนั้นคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี เข้าร่วมพิธีสงฆ์ ณ บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (อาคารซี) เพื่อความเป็นสิริมงคล ในการดำเนินงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศครอบคลุมทุกมิติ โดย ดร.สุนทรีย์ รองผู้อำนวยการ BDI ร่วมเวที In Focus Stage เสวนาหัวข้อ Deep Dive: “The Data Playbook: How to Turn Public Data into Public Value” (เจาะลึก: คู่มือการใช้ข้อมูลภาครัฐเพื่อสร้างคุณค่าให้สังคม) ตอกย้ำภารกิจสถาบันฯ ในการเป็นผู้นำปลดล็อกศักยภาพข้อมูล (The Value Catalyst) ด้วยบทบาทของ BDI ที่ไม่ใช่แค่ผู้สร้างแพลตฟอร์ม แต่คือผู้เชี่ยวชาญในการ “สกัดคุณค่าจากข้อมูล (Extracting Value)” พร้อมแชร์กรณีศึกษาและเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) เพื่อเปลี่ยนข้อมูลดิบภาครัฐให้กลายเป็นองค์ความรู้ (Insight) ที่นำไปใช้ตัดสินใจเชิงนโยบายได้จริง นอกจากนี้ภายในงานยังมีจัดกิจกรรมฝึกอบรมเสริมความรู้และทักษะด้านดิจิทัล หลักสูตร Smart Prompt, Smart Work: ใช้พรอมต์อย่างชาญฉลาดเพื่อการทำงานที่เหนือกว่า โดย ดร.ปริสุทธิ์ จิตต์ภักดี ผู้จัดการฝึกอบรมและพัฒนาการจัดการข้อมูล ฝ่ายพัฒนากำลังคน BDI พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ BDI ได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการโซน A: “Building a Competitive & Secure Nation” โชว์ศักยภาพแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration & Intelligence Platform (D2) เพื่อมุ่งมั่นในการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากหลากหลายภาคส่วน เสริมสร้างการวางแผนเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Data-Driven Nation อย่างแท้จริง
19 September 2025

บทความ

BDI เสนอแดชบอร์ดวิกฤตภูมิอากาศ ในงาน Social Development Expo 2025
17-18 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดยโครงการแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration and Intelligence Platform (D2) และโครงการแพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Envi Link ร่วมจัดนิทรรศการพร้อมนำเสนอแดชบอร์ดภายในงาน Social Development Expo 2025 (SDx 2025) จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ธีมงาน “Demographic and Climate Crises” ซึ่งมุ่งถอดรหัสวิกฤตโครงสร้างประชากรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกำลังเผชิญ งาน SDx 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดพื้นที่ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองและสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในการรับมือกับปัญหาซับซ้อนระดับโลกที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้คน การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการนำเสนอผลงาน แต่ยังเป็นเวทีเชื่อมโยงความคิดและนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายได้จริง BDI ได้นำเสนอผลงานนิทรรศการ “Humanity x Data: Building Resilient Futures” โดยนำเสนอแดชบอร์ดที่บูรณาการข้อมูลจาก 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ข้อมูลฝุ่น PM 2.5), กระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูลผู้ป่วยโรคจากมลพิษทางอากาศ) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ข้อมูลครัวเรือนเปราะบาง) เพื่อสะท้อนภาพรวมของความเปราะบางในแต่ละพื้นที่ แดชบอร์ดนี้ทำหน้าที่เสมือน “แผนที่ประเมินวิกฤต” ที่ชี้ให้เห็นว่าแต่ละจังหวัดควรเตรียมรับมือวิกฤตสิ่งแวดล้อมและจัดสรรสวัสดิการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางอย่างไร การจัดทำแดชบอร์ดครั้งนี้ยังสะท้อนศักยภาพของแพลตฟอร์มดีทูที่ BDI พัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วน สำหรับการวิเคราะห์ พัฒนา และต่อยอดนวัตกรรม เพื่อจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าของข้อมูลภาครัฐ สร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นวัตกรรมที่นำเสนอ จึงไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศไทย แต่ยังสะท้อนมุมมองของ BDI ที่มุ่งใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสังคมที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิอากาศหรือโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
18 September 2025

บทความ

BDI ผู้แทน รมว.ดีอี ประกาศแผนรัฐบาลไทยเดินหน้า National AI ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
17 กันยายน 2568, สาธารณรัฐประชาชนจีน – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เข้าร่วมเสวนาในงาน The RCEP High-Level Dialogue on Economic and Trade Cooperation Banquet Hall ในหัวข้อ “Harnessing digital economy and AI innovations for enhancing CAFTA 3.0 and RCEP economic and Trade Collaboration” ณ หนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 300 คน ศ. ดร.ธีรณี กล่าวว่า รัฐบาลไทยประกาศเดินหน้า โครงการแห่งชาติด้านปัญญาประดิษฐ์ (National AI Program) เพื่อผลักดันการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เน้นการยกระดับ “ความพร้อม” และ “การประยุกต์ใช้” AI อย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติ โดยตั้งเป้าฝึกอบรมประชาชนกว่า 10 ล้านคนให้มีความรู้ด้าน AI และสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยกว่า 50,000 คน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แบบโอเพ่นซอร์ส การจัดตั้ง National Data Bank เพื่อรวมฐานข้อมูลภาครัฐ และการสร้าง Regulatory Sandbox สำหรับทดลองใช้กฎระเบียบและมาตรฐานก่อนนำ AI มาใช้จริง ซึ่งจะช่วยรองรับการลงทุนจากทั่วโลก และสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการไทยทั้ง SME และ Startup ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเร่งผลักดันการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนที่มีผลต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง เช่น การแพทย์ การศึกษา การเกษตร การเงิน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยมีกลไกสำคัญ คือ การจัดตั้ง National AI Consortium เพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม ควบคู่ไปกับการจัดตั้ง AI Centers of Excellence ใน 10 ด้านสำคัญ ได้แก่ การศึกษา อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การเกษตร การผลิต สุขภาพและการแพทย์ การท่องเที่ยว แบบจำลองภาษาไทย (LLM) ศูนย์ประมวลผล AI ของรัฐบาล ศูนย์ทดสอบมาตรฐาน AI และ ความมั่นคงและความปลอดภัย เพื่อพัฒนานวัตกรรมและระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เป้าหมายสูงสุด คือ การทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน AI ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
17 September 2025

บทความ

BDI โชว์การประยุกต์ใช้ Big Data และ AI หนุนกำหนดนโยบาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สังคม เติบโตทุกมิติอย่างมีทิศทาง
16 กันยายน 2568, ชลบุรี – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เข้าร่วมบรรยายพิเศษหัวข้อ Big Data & AI : Introduction and Use Cases ในงานสัมมนาคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา จังหวัดชลบุรี ดร.สุนทรีย์ เล่าถึงการทำงานของ BDI ในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งเพื่อทำหน้าที่หลักในการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนประเทศ โดยมีพันธกิจสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายและการบริการประชาชนในทุกภาคส่วน BDI ได้พัฒนาระบบและแพลตฟอร์มที่สำคัญ อย่างเช่น CO-Link ที่เชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการผู้ป่วยและทรัพยากรในช่วงวิกฤตโควิด-19 และ Election Dashboard ที่ช่วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง รายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ปัจจุบัน BDI กำลังเร่งพัฒนาโครงการสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคม เช่น “โครงการ Health Link” ที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลและสถานพยาบาล “โครงการ Travel Link” ที่เปิดเผยข้อมูลการเดินทางเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและบริการสาธารณะ “โครงการ Provincial Data Platform” ที่มุ่งสร้างฐานข้อมูลระดับจังหวัดเพื่อสนับสนุนการวางนโยบายเชิงพื้นที่ รวมถึง “โครงการ Envi Link” ด้านสิ่งแวดล้อมที่ช่วยสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ต ก้าวสู่เมืองปลอดคาร์บอนด้วยการใช้ข้อมูลจากกล้อง CCTV สำหรับ BDI มีบุคลากรเชี่ยวชาญด้านข้อมูลกว่า 60% ในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เน้นการสร้างเครื่องมือและระบบที่ใช้งานครั้งเดียว แต่สร้างประโยชน์ได้หลากหลายมิติ นอกจากนี้ BDI ยังได้ร่วมมือกับอีก 4 หน่วยงานชั้นนำด้าน AI และ LLM ประกอบด้วย NECTEC, VISTEC, AIEAT และ AIAT พัฒนา ThaiLLM ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาษาไทย แบบ Open Source/Open License ที่เข้าใจบริบทของภาษาและวัฒนธรรมไทย เพื่อให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และนักเทคโนโลยี สามารถนำไปใช้งานและต่อยอดได้อย่างกว้างขวาง สุดท้าย ดร.สุนทรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว BDI ยังยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) โดยเน้นการแก้ไขปัญหา Data Silo จัดการสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล ยกระดับคุณภาพและการเปิดเผยข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ ตลอดจนการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ งานสัมมนาในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. โดยผู้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาทักษะ ยกระดับคุณภาพการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง สู่การขับเคลื่อนภารกิจองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เติบโตแบบมีทิศทาง
16 September 2025
PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings