Big Data

Big Data

ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง

Related news and articles

PostType Filter En

บทความ

AI Governance: เข็มทิศนำทางสู่ปัญญาประดิษฐ์ที่น่าเชื่อถือ
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวัน เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือธรรมดา แต่เป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ส่งผลให้ผู้ใช้มีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนกับค้อนที่สามารถใช้ตอกตะปูหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ จึงควรเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจให้กับบุคลากรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็น ความเสี่ยงที่เกิดจากการกระทำโดยเจตนา (Intentional) เช่น Deepfake Scam หรือ Autonomous Weapons และความเสี่ยงที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ (Unintentional) เช่น ความผิดพลาดโดยไม่เจตนา หรือภัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่องค์กรควรให้ความสำคัญ โดยรวมถึงข้อมูลที่ AI ใช้ในการเรียนรู้เกิดความลำเอียง (Bias Training Data) AI สร้างข้อมูลหรือเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นความจริง หรือไม่สมเหตุสมผล (Hallucination) คำแนะนำหรือการตัดสินใจที่ผิดพลาด ปัญหาลิขสิทธิ์ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากท่านผู้อ่านเป็นผู้บริหารแล้ว ควรทำความเข้าใจและจัดการความเสี่ยงจาก AI อย่างรอบด้านผ่านคำถาม ดังนี้ หลักการกำกับดูแล AI (AI Principles) แนวทางในการพัฒนา ใช้งาน และกำกับดูแลเทคโนโลยี AI คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรม สังคม และกฎหมาย โดยเน้นให้ AI สร้างประโยชน์ต่อมนุษย์และสังคม พร้อมลดความเสี่ยงและผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น  ได้แก่ ภาพรวม AI Governance ในระดับสากลและไทย ในระดับสากล โดยเฉพาะสหประชาชาติ (UN) ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแล AIโดยเน้นไปที่ สิทธิมนุษยชน จริยธรรม และความยุติธรรม เป็นหลัก ต่างจากสหรัฐอเมริกา ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาด เน้นการแข่งขัน ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมมากกว่า จีนเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการควบคุมโดยรัฐ และสหภาพยุโรปเน้นการกำกับดูแลเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน สำหรับประเทศไทย คาดว่าจะไม่มีการออกกฎหมาย AI ในเร็วๆ นี้ และแนวโน้ม คือการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมโดยหลายภาคส่วนร่วมกัน ไม่ใช่แค่รัฐบาลเดียว องค์กรจึงควรแสดงให้เห็นว่าการใช้ AI สอดคล้องกับนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าไม่รับผิดชอบต่อสังคมหรือที่เรียกว่า Social License to Operate และเพื่อประเมินความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ โดยเทียบกับ EU AI Act ที่แบ่งความเสี่ยงเป็น 4 ระดับตามแนวทาง Risk-Based Approach ได้แก่ โดยสิ่งที่สำคัญคือจะต้องใช้แนวทางในการ “อิงตามความเสี่ยง (Risk-Based)” เพื่อให้เข้าใจประเภทของความเสี่ยง (กฎหมาย จริยธรรม การดำเนินงาน) และใช้แนวทาง Integration-Based เพื่อบูรณาการและพิจารณาร่วมกันจากหลาย ๆ ฝ่ายโดยใช้เครื่องมือและกลไกที่หลากหลาย บทสรุป การกำกับดูแล AI ถูกให้ความสำคัญทั้งในระดับสากลและในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลและสร้างความยุติธรรมในการใช้งาน เทรนด์ทั่วโลกสะท้อนให้เห็นหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นการเน้นจริยธรรมและสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ การขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมในสหรัฐอเมริกา หรือการควบคุมโดยรัฐในจีน ขณะที่สหภาพยุโรปออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองเสรีภาพประชาชน สำหรับไทย แม้ยังไม่มีการออกกฎหมาย AI โดยตรง แต่มีแนวโน้มเน้นการพัฒนามาตรฐานร่วมกันจากหลายภาคส่วน องค์กรจึงควรดำเนินงานอย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ควรประเมินความเสี่ยงของ AI ด้วยแนวทางอิงตามความเสี่ยง เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับมาตรฐานและไม่เกิดผลกระทบเชิงลบ โดยเฉพาะกับระบบที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ การบูรณาการความร่วมมือกับหลายฝ่ายและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการนำ AI ไปใช้ในสังคมได้อย่างยั่งยืน เอกสารอ้างอิง https://arxiv.org/pdf/2407.01294 https://www.aiaaic.org/aiaaic-repository https://www.theguardian.com/society/article/2024/jun/23/dwp-algorithm-wrongly-flags-200000-people-possible-fraud-error https://doi.org/10.1007/s13347-021-00474-3 https://s41721.pcdn.co/wp-content/uploads/2021/06/Executive-Summary-2022-Report.pdf https://aiindex.stanford.edu/wp-content/uploads/2023/04/HAI_AI-Index-Report_2023.pdf
7 July 2025

บทความ

ชาว BDI จิตอาสาร่วมจัดกิจกรรม Agile Thailand ตอกย้ำ Core Value ขององค์กร
5 กรกฎาคม 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI นำโดย นางสาวเกศพร สุคตะ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล พร้อมด้วย ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมและประสานเครือข่าย และเจ้าหน้าที่ BDI จิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรม Agile Thailand 2025 ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Agile Awakening ชวนมาตื่นรู้เล่าสู่กันฟัง ณ อาคาร K+ สามย่าน เขตปทุมวัน โดยชาว BDI ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอาสาสมัครจัดงาน Agile Thailand 2025 เพื่อตอกย้ำค่านิยม (Core Value) ขององค์กร คือ AGILE เช่นกัน นอกจากนี้ BDI ยังชวนผู้เข้าร่วมงานมาตื่นรู้กับหัวข้อ “Agile & Tech” ในภาครัฐ เพื่อเปิดมุมมองแลกเปลี่ยนความคิด ปลุกใจเราให้ตื่นรู้ มีสติดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง สำหรับ Core Value ของ BDI ประกอบด้วยA : Agility -> ยืดหยุ่นพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงG : Goal Oriented -> ทำงานเป็นทีมเพื่อให้ได้ เป้าหมายร่วมขององค์กรI : Integrity -> ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอL : Lifelong Learning -> เรียนรู้และสร้างสรรค์ ตลอดเวลาE : Excellence -> มุ่งเน้นงานคุณภาพ และการส่งมอบ ในกรอบเวลาที่เหมาะสม
5 July 2025

บทความ

BDI MOU NIA ผนึกกำลังหนุนศักยภาพผู้ประกอบการด้วย BigData & AI เพื่อการขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล ภายในงาน SITE 2025
4 กรกฎาคม 2568, กรุงเทพฯ – รศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) มอบหมาย นพ.ธนกฤต จินตวร รองผู้อำนวยการสถาบันฯ ด้านกิจการพิเศษ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการด้วยเทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่ กับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดย ดร. กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ให้เกียรติลงนาม โดยมี ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมและประสานเครือข่าย BDI และ ดร.สุรอรรถ ศุภจัตุรัส รองผู้อำนวยการด้านการเงินนวัตกรรม NIA ร่วมเป็นสักขีพยาน ภายในงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 (SITE 2025) จัดโดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ณ พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นพ.ธนกฤต กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ถือเป็น “จุดเริ่มต้นของความร่วมมือ” ในการวางรากฐานโครงสร้างข้อมูลของประเทศ ให้มีมาตรฐาน และสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีข้อมูลขนาดใหญ่และปัญญาประดิษฐ์ พร้อมสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล และพัฒนาองค์ความรู้เสริมศักยภาพบุคลากรด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนขยายเครือข่ายระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ สู่การพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล รวมถึงดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ส่งเสริมอย่างเหมาะสมในบริบทของการพัฒนานวัตกรรม ภายใต้ภารกิจของ BDI ที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมด้วยการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อการขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล  (Data – Driven Nation) สำหรับการดำเนินงานของทั้ง 2 หน่วยงาน จะขับเคลื่อนใน 4 เรื่องหลัก คือ 1. การส่งเสริมการเข้าถึงและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ 2. การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่ได้มาตรฐานระดับสากล 3. การพัฒนาองค์ความรู้และบุคลากรผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเสริมศักยภาพและยกระดับทักษะบุคลากรในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และ 4. การสร้างความร่วมมือแบบบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และสนับสนุนกิจกรรมที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศต่อไป
4 July 2025

บทความ

Travel Link โชว์ศักยภาพแพลตฟอร์มในงาน Travel & Tech Asia 2025 พร้อมออกบูทสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ
3 กรกฎาคม 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ดร.อัญชลิสา แต้ตระกูล (รักษาการ) ผู้อำนวยการโครงการ Travel Link ขึ้นบรรยายหัวข้อ From Data to Decisions: How Travel Link Guides the Tourism Industry ภายในงาน Travel & Tech Asia 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 3 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ดร.อัญชลิสา กล่าวถึงโครงการแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะด้านท่องเที่ยวแห่งชาติ หรือ Travel Link ว่า เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยว ได้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค พร้อมกับคาดการณ์ฤดูกาลท่องเที่ยวทั้งช่วงไฮซีซันและโลว์ซีซัน รวมถึงการวางแผนขยายบริการ หรือสื่อสารการตลาดไปยังพื้นที่ที่มีศักยภาพใหม่ ๆ ด้วยข้อมูลที่ถูกถ่ายทอดผ่านฟีเจอร์สำคัญซึ่งออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของผู้ประกอบการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ผ่าน https://www.travellink.go.th/ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่โครงการ Travel Link ได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการภายในงานเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการให้กับผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัส 4 ไฮไลท์ของแพลตฟอร์ม ประกอบด้วย 1. สถิติจำนวนชาวต่างชาติขาเข้ารายเดือน 2. การเปรียบเทียบจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้ 3. ภาพรวมผู้เยี่ยมเยือนรายภาคและรายจังหวัด และ 4. การวิเคราะห์รีวิวจาก TripAdvisor เชิงลึก นำความคิดเห็นของนักท่องเที่ยวจากแพลตฟอร์มชั้นนำมาวิเคราะห์ทั้งเชิงเนื้อหาและอารมณ์ (Sentiment Analysis) สำหรับงาน Travel & Tech Asia 2025 คือ งานจัดแสดงนวัตกรรมและการประชุมระดับ B2B แห่งแรกของเอเชียที่ส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และสนับสนุนการจัดแสดงนิทรรศการด้านเทคโนโลยีบริการ ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพการดำเนินธุรกิจและการให้บริการของผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยว โดยภายในงานมีการจัดแสดงนวัตกรรมจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ และองค์กรท่องเที่ยวจากทั่วภูมิภาคเอเชียรวมไว้ในงานนี้ ซึ่งจัดโดย บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ได้รับการสนับสนุนจากท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตรจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน งานดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น จุดหมายปลายทางอัจฉริยะ (Smart Tourism Destination) เปิดประตูสู่การจับคู่ธุรกิจ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ ที่จะนำพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่ยุคใหม่อย่างยั่งยืน
3 July 2025

บทความ

BDI เปิดเวทีระดมความเห็นแลกเปลี่ยนมุมมองผู้ใช้ข้อมูล ผ่าน Focus Group ครั้งที่ 2 กำหนดกลยุทธ์ขับเคลื่อนการใช้ Big Data & AI ยกระดับขีดความสามารถทุกภาคส่วน
2 กรกฎาคม 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ และศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรม Focus Group ครั้งที่ 2 เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ “(ร่าง) แผนกลยุทธ์ที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดด้านข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยมี ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมและประสานเครือข่าย เข้าร่วมรับฟังข้อเสนอแนะจากกลุ่มเป้าหมายหลากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมเกือบ 100 องค์กร ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และออนไลน์ กิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการระดมความคิดเห็นต่อยอดมาจากครั้งแรกที่จัดขึ้นในหัวข้อ “ความคาดหวังและอุปสรรคในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และเทคโนโลยี AI” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนตลาดด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สำหรับโครงการดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อมุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้ข้อมูล เป็นศูนย์กลางของการออกแบบนโยบายและกลไกสนับสนุนที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงในแต่ละภาคส่วนโดยมุ่งเน้นการสอบถามถึงพฤติกรรมการใช้ข้อมูล ประเภทของข้อมูลที่ต้องการ อุปสรรคในการเข้าถึง และความคาดหวังต่อบริการข้อมูลของภาครัฐ
2 July 2025

บทความ

รู้จักกับ Thai AI Service Platform ปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทย
ในปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพลิกโฉมธุรกิจในหลากหลายด้าน ด้วยความสามารถที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคดิจิทัลที่ทั่วโลกไม่อาจปฎิเสธได้ หน่วยงานภาครัฐของไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้ จึงริเริ่มพัฒนา แพลตฟอร์ม Thai AI เพื่อสร้างเครื่องมือที่ตอบโจทย์สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ ที่จะช่วยเสริมสร้างความแกร่งให้กับภาคธุรกิจ พร้อมทั้งยกระดับความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ที่มาของ Thai AI  Thai AI Service Platform หรือที่รู้จักในชื่อ Thai AI และ AI for Thai เป็นแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทยที่พัฒนาขึ้นโดยกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ (AINRU) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เพื่อสนับสนุนการใช้งาน AI ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้งาน 3 กลุ่มหลักมีแพลตฟอร์ม AI ที่รองรับการใช้งานด้วยภาษาไทย ได้แก่ นักพัฒนาระบบ ผู้ประกอบการ SME และ Start Up รวมถึงบริษัทเอกชนต่าง ๆ โดย Thai AI ได้รับการพัฒนาขึ้นให้มีความสามารถด้วยกัน 3 ด้านหลัก ๆ ดังนี้ เนื่องจาก Thai AI ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยโดยเฉพาะ จึงมีความสามารถที่โดดเด่น 3 ประการ ได้แก่ นอกจากนี้แพลตฟอร์มนี้ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาและนักวิจัยสามารถนำ API ไปต่อยอดเพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคม ซึ่งสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลและวิธีการใช้งานได้ที่ AI FOR THAI – Thai AI Service Platform Thai AI คือปัญญาประดิษฐ์สัญชาติไทยที่มาพร้อมความสามารถรอบด้าน ทั้งการประมวลผลข้อความ รูปภาพ และเสียง ซึ่งการพัฒนา Thai AI นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนไทยได้เรียนรู้และนำ AI ไปต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ การศึกษา หรือการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งจะ เป็นการผลักดันประเทศไทยให้ก้าวไปสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพในเวลาอันใกล้! แหล่งอ้างอิง
2 July 2025

บทความ

Digital Literacy ทักษะที่ขาดไม่ได้ในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันเราในทุกมิติ ช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบายยิ่งขึ้น แต่เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนเราอาจตามไม่ทัน หรือเกิดความผิดพลาดจากความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคนในฐานะพลเมืองดิจิทัล คือ Digital Literacy หรือ ทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราปรับตัวกับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ยังช่วยให้เราใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น โดย Digital Literacy มีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการสื่อสาร ด้านการเรียนรู้ ด้านการทำงาน และด้านการเงิน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ด้านการสื่อสาร การสื่อสารออนไลน์ (Online Communication) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล การมีทักษะ Digital Literacy จะช่วยให้เราอยู่ในโลกออนไลน์ได้ปลอดภัยมากขึ้น เช่น ด้านการเรียนรู้ ถ้าเราอยากรู้อะไร การค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตถือเป็นช่องทางแรกที่เรานึกถึง เพราะมีความสะดวกและรวดเร็ว การมีทักษะ Digital Literacy จึงมีความสำคัญต่อการเรียน ทั้งกับตัวผู้สอนและผู้เรียน เช่น ด้านการทำงาน องค์กรสมัยใหม่มีการนำซอฟต์แวร์เข้ามาใช้ในการทำงานหลายตัว เพราะช่วยให้การทำงานรวดเร็วและวัดผลลัพธ์ได้ชัดเจน ซึ่งการมีทักษะ Digital Literacy จะเข้ามาช่วยให้พนักงานได้ประโยชน์หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ด้านการเงิน การทำธุรกรรมทางการเงินในปัจจุบันเป็นอีกกิจกรรมที่หลายคนหันไปทำผ่านแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์เพราะทำได้ง่ายและประหยัดเวลา ซึ่งการมี Digital Literacy จะช่วยให้เราได้ประโยชน์ด้านการเงิน เช่น เมื่อเราเข้าใจถึงความสำคัญของ Digital Literacy ที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันแล้ว อีกเรื่องที่ต้องมีความเข้าใจเช่นกัน คือหลักการของ Digital Literacy ซึ่งเป็นรากฐานของการใช้ชีวิตและทำงานด้วยเทคโนโลยีอย่างแท้จริง หลักการสำคัญของ Digital Literacy Digital Literacy แบ่งออกเป็น 3 หมวดหลักตามแนวคิดของ Hiller Spires ศาสตราจารย์ด้านทักษะการใช้เทคโนโลยี จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาสเตต (North Carolina State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกรอบแนวคิดที่ได้รับการยอมรับและนำไปใช้อ้างอิงอย่างแพร่หลาย ดังนี้ การทำความเข้าใจใน 3 หมวดหลักนี้ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาทักษะดิจิทัลให้เท่าทันโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน แล้วการมี Digital Literacy ต้องมีทักษะอะไรบ้าง? Digital Literacy คือทักษะสำคัญในยุคดิจิทัลที่ทุกคนควรมี เพื่อให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยไปด้วย ซึ่งการมี Digital Literacy ที่ดีไม่ได้เกิดขึ้นได้เอง แต่ต้องมาจากการพัฒนาและฝึกฝนทักษะในหลากหลายด้านควบคู่กัน โดยมีทักษะสำคัญ 8 อย่างด้วยกันดังนี้ 1. ทักษะการใช้เทคโนโลยีพื้นฐาน (Basic Digital Skills) 2. ทักษะการสืบค้นและประเมินข้อมูล (Information Literacy) 3. ทักษะความปลอดภัยทางดิจิทัล (Cybersecurity & Privacy Awareness) 4. ทักษะการสื่อสารออนไลน์ (Digital Communication) 5. ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) 6. ทักษะการสร้างเนื้อหาดิจิทัล (Digital Content Creation) 7. ทักษะการบริหารจัดการตัวตนออนไลน์ (Digital Identity Management) 8. ทักษะการเรียนรู้และปรับตัวทางดิจิทัล (Digital Adaptability & Lifelong Learning) การพัฒนาทักษะเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้าง Digital Literacy ที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้เราสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งเติบโตไปกับการพัฒนาทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 8 ทักษะที่กล่าวถึงไม่เพียงแต่เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้าง Digital Literacy ที่มีคุณภาพ แต่ยังช่วยให้เราใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมในทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียนรู้ หรือการสื่อสารออนไลน์ ทำให้มีความมั่นใจในการใช้งานเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น สามารถปรับตัวได้อย่างคล่องแคล่วในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่หยุดนิ่ง แหล่งอ้างอิง
2 July 2025

บทความ

BDI MOU GSB ผนึกกำลังส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ วิเคราะห์ครอบคลุมทุกมิติ สู่การกำหนดนโยบาย ขับเคลื่อนองค์กรและสังคมไทยอย่างยั่งยืน
1 กรกฎาคม 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดยนายสุธี อุไรวิชัยกุล รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมด้วยนายมานะ ทรวงทองหลาง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน (GSB) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้าน Data Platform ในการพัฒนาศักยภาพด้านการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการข้อมูลในหน่วยงานภาครัฐและช่วยขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัลของประเทศให้เกิดผลจริง โดยมีนางวรพิชญา ระเบียบโลก ผู้อำนวยการฝ่ายบริการวิเคราะห์ข้อมูล BDI และนางพัชรี ชาภิมล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารข้อมูลสารสนเทศ GSB ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เขตพญาไท นายสุธี กล่าวว่า BDI เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีภารกิจในการพัฒนาบุคลากรภาครัฐในการใช้งานข้อมูลขนาดใหญ่ รวมถึงการให้คำปรึกษาและการสร้างความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันธนาคารออมสิน เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นเป็นผู้นำในการส่งเสริมการออม และสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชน ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ความร่วมมือในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านการบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในองค์กร ด้านการพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และด้านการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการใช้งานข้อมูลในอนาคต โดยความร่วมมือที่ดำเนินการจะครอบคลุม 3 ด้านหลัก คือ 1. การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลและการให้คำปรึกษาในการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ 2. การพัฒนาทักษะของบุคลากร ในการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ผ่านการฝึกอบรมที่เป็นลักษณะแบบ Hands on Training และ 3. การวิเคราะห์และจัดทำโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล ที่สามารถรองรับความต้องการของธนาคารออมสินและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินงานที่เกิดขึ้น จึงไม่เพียงแต่เสริมสร้างศักยภาพทางด้านเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการผลักดันให้เกิดองค์กรที่พร้อมขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) โดยการพัฒนากระบวนการและการใช้เทคโนโลยีอย่างครบวงจร และยังเป็นการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมในภาครัฐและธนาคารออมสินโดยเฉพาะในด้านการใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และพยากรณ์ ที่จะช่วยให้การตัดสินใจและการให้บริการต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างสูงสุด “ด้วยความเชี่ยวชาญของ BDI ในการให้คำปรึกษาด้าน Big Data และเทคโนโลยีข้อมูลขั้นสูง ผสานกับศักยภาพและประสบการณ์ของธนาคารออมสินในการดำเนินงาน ที่ให้ความสำคัญกับการเป็นธนาคารเพื่อสังคม (Social Bank) ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมในสังคม และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในด้านต่าง ๆ จะทำให้ความร่วมมือครั้งนี้นำไปสู่การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ ทั้งในเชิงเทคนิคและเชิงนโยบาย เพื่อพัฒนาองค์กรและสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” รองผู้อำนวยการ BDI กล่าวทิ้งท้าย
1 July 2025

บทความ

BDI ร่วมแชร์มุมมองในงาน AWS AI Day Thailand 2025 เพื่อขับเคลื่อน AI Ecosystem ตามแผนยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติ
1 กรกฎาคม 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ดร.อภิวดี ปิยธรรมรงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมอุตสาหกรรมและประสานเครือข่าย เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ Building Thailand’s AI Foundation: From National Foundation Models to Inclusive Innovation ในงาน AWS AI Day Thailand 2025 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท ดร.อภิวดี กล่าวว่า การลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีองค์ประกอบหลากหลาย ทั้งเชิงทักษะ และโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงธรรมาภิบาลในการพัฒนาและใช้งาน AI ภาครัฐได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความพร้อม Readiness ที่ประกอบไปด้วย AI Taskforce, Infrastructure และ AI Governance ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้าง Use Cases ให้เกิดการ Adoption ใช้งานจริงได้ทันท่วงที พร้อมยกตัวอย่าง โครงการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model) สำหรับภาษาไทย (ThaiLLM) ซึ่งเป็นโครงการแรกของ BDI ในการพัฒนา Open Source AI Infrastructure รวมไปถึง National Data Bank เพื่อคนไทย ที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการไทยทุกระดับ สามารถมีจุดตั้งต้นที่จะนำไปต่อยอดพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ จนสร้าง Sovereign AI สามารถก้าวกระโดดเท่าทันเทคโนโลยีระดับโลก “นอกจากนี้ในส่วนฝั่ง Adoption ที่ภาครัฐมุ่งเน้นให้เกิดการประยุกต์ใช้เป็นอันดับแรกเพื่อสร้างผลกระทบในวงกว้างจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Public Service, Healthcare, Educational Technology, Tourism และอื่น ๆ ทั้งหมด ซึ่งเราต้องปรับตัวใช้งานเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย (Thai AI Collaboration) สู่การสร้างระบบนิเวศ AI ของประเทศ (AI Ecosystem) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันตามแผนยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติ” ดร.อภิวดี กล่าวทิ้งท้าย สำหรับงาน AWS AI Day Thailand 2025 จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสำคัญในการเปิดโอกาสร่วมแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ ซึ่งรวบรวมผู้นำและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายภาคส่วน ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของประเทศไทย สู่การสนับสนุนการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งการพัฒนา AI จะเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน การยกระดับบริการสาธารณะ และการสร้างประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง
1 July 2025
PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings