Cyber Security

Cyber Security

ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง

All Cyber Security

PostType Filter En

บทความ

10 ทิศทางสำคัญที่ผู้บริหารควรเรียนรู้ในปี 2025 เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ
? เตรียมพร้อมสู่ปี 2025: 10 กลยุทธ์ที่ผู้บริหารต้องเรียนรู้เพื่อความยั่งยืนในธุรกิจ  ในปี 2025 โลกธุรกิจจะเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่ผู้บริหารจำเป็นต้องเตรียมพร้อมและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ความยั่งยืน (Sustainability) จะยังคงเป็นหัวใจหลักที่กำหนดทิศทางการเติบโตขององค์กร และความสามารถในการปรับตัวนี้จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในระยะยาว บทความนี้จะนำเสนอ 10 เรื่องที่ผู้บริหารควรเรียนรู้เพื่อความสำเร็จและความยั่งยืนในอนาคต  1. การเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยี AI เชิงยั่งยืน ?  ในยุคที่ AI และ Big Data กำลังเป็นเครื่องมือสำคัญในการพลิกโฉมธุรกิจ ผู้บริหารต้องเข้าใจการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ในองค์กรอย่างมีจริยธรรมและยั่งยืน หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 2 ช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจถึงการประยุกต์ใช้ AI ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังสร้างความไว้วางใจในลูกค้าและสังคม  2. การจัดการความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน (Sustainable Supply Chain) ?  ผู้บริหารควรมีความเข้าใจในกระบวนการของ ห่วงโซ่อุปทาน ที่ยั่งยืน โดยสามารถนำ Big Data มาใช้ในการตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบที่มีความรับผิดชอบ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิต รวมถึงการเลือกใช้ซัพพลายเออร์ที่มีจรรยาบรรณและความรับผิดชอบต่อสังคม  3. การเสริมสร้างความสามารถในการปรับตัว (Adaptability Skills) ?  การเปลี่ยนแปลงในสภาพตลาดและเทคโนโลยีที่รวดเร็วจำเป็นต้องมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารที่เข้าร่วมหลักสูตร LEAD จะได้รับทักษะในการใช้ Big Data และ AI เพื่อช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและทำนายความเปลี่ยนแปลงในอนาคต ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว  4. การนำ ESG (Environment, Social, Governance) มาใช้ในกลยุทธ์องค์กร ?  หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 2 มุ่งเน้นให้ผู้บริหารเข้าใจการบูรณาการแนวคิด ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล) เข้ากับกลยุทธ์การบริหาร โดยใช้ AI และ Big Data ในการวัดผลกระทบจากกิจกรรมองค์กรที่มีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้สามารถพัฒนากลยุทธ์ที่ยั่งยืนและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและลูกค้า  5. ความปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองข้อมูล (Cybersecurity) ?  ด้วยการใช้ AI และ Big Data ในการบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ ความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ หลักสูตร LEAD รุ่นที่ 2 จะช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจการปกป้องข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการป้องกันและตอบสนองต่อการโจมตีทางไซเบอร์  6. ความเป็นผู้นำในยุคการทำงานแบบไฮบริด (Leadership in a Hybrid Workplace) ?‍?  การทำงานในรูปแบบ hybrid ที่ผสมผสานการทำงานทั้งออฟไลน์และออนไลน์เป็นแนวโน้มใหม่ในอนาคต ผู้นำต้องเข้าใจการจัดการทีมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ Big Data ในการประเมินการทำงานและสร้างความร่วมมือระหว่างทีมงานจากหลากหลายสถานที่  7. การสร้างความโปร่งใสในการทำงานและธุรกิจ (Transparency and Accountability)  ความโปร่งใสและการมีความรับผิดชอบเป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจที่ยั่งยืน Big Data ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจในองค์กร โดยสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เน้นความโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ  8. การใช้พลังงานทางเลือกและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก⚡  การนำ Big Data และ AI มาใช้ในการวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นสิ่งที่ผู้บริหารต้องคำนึงถึงในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความยั่งยืน หลักสูตร LEAD จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานทางเลือกและลดการปล่อยคาร์บอน  9. การพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรอย่างต่อเนื่อง (Continuous Learning and Development) ?  ในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืน ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากร โดยการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรมฝึกอบรมที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยี  10. การสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง (Continuous Innovation) ?  การสร้างนวัตกรรมที่ต่อเนื่องเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตในยุคที่การแข่งขันสูง AI และ Big Data สามารถช่วยในการค้นหาความท้าทายใหม่ ๆ และนำเสนอนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างทันเวลา  ? ปี 2025 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงและการปรับตัวสำหรับผู้บริหารที่ต้องการนำองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ความเข้าใจใน 10 เรื่องสำคัญจะช่วยให้ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและปรับกลยุทธ์ได้ทันสมัย ตั้งแต่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI การจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับการทำงานแบบไฮบริด การเพิ่มทักษะการนำองค์กรในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถก้าวนำและรับมือกับความท้าทายในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน  เพิ่มโอกาสในการพัฒนาทักษะเพื่อก้าวนำในยุคที่การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วนั้นอยู่ที่นี่แล้ว อย่าพลาด! สมัครเรียนหลักสูตร LEAD: Big Data and AI for Sustainable Future (LEAD รุ่นที่ 2) เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นผู้นำยุคใหม่ที่พร้อมเผชิญความท้าทายและสร้างความสำเร็จอย่างยั่งยืน  ? รีบจองที่นั่ง Early Bird ได้แล้ววันนี้   ราคา 189,900 บาท จากราคาปกติ 209,900 บาท (รวมศึกษาดูงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ)  ?ศึกษารายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติม: https://bdi.or.th/executive-course/  ?ท่านสามารถแจ้งความประสงค์เพื่อลงทะเบียนหลักสูตรได้ที่: https://forms.gle/QFW229rG7cbjx53R6  ? ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Email: businesspromotion@bdi.or.th หรือ โทร: 02 480 8833 ต่อ 9552 และ 9579  บทความโดย เบญญาภา ราชแก้ว
15 November 2024

บทความ

Cybersecurity Framework: กรอบการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ แนวทางสำคัญสู่องค์กรที่ปลอดภัย
ในโลกปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานภาครัฐย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “โลกขับเคลื่อนได้ด้วยข้อมูล” นั่นคือ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินการต่างๆ ขององค์กร ยกตัวอย่างเช่น แผนธุรกิจ โปรเจค ข้อมูลสินค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดค้นขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลภายในองค์กรเอง นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลที่มาจากภายนอกองค์กร เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลที่ต้องโปรเซสต่างๆ ซึ่งองค์กรหรือธุรกิจบริการเหล่านั้นก็ต้องดูแลรับผิดชอบข้อมูลเหล่านี้ด้วยข้อมูลอาจถูกจำแนกความสำคัญในระดับต่างๆ กันไปไม่มากก็น้อย ตามความเสี่ยงหรือความอ่อนไหวของข้อมูล ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องมีวิธีการจัดการที่ดีและเป็นระบบ เพราะหากเกิดกรณีสูญหาย หรือหลุดรั่วออกไปแล้วอาจเกิดผลกระทบกับองค์กรอย่างมาก Best practices จะช่วยเป็นแนวทางให้การจัดการข้อมูลภายในองค์กรเกิดความปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วิธีปฎิบัติที่ดี หรือที่เรียกว่า Best practices จะช่วยเป็นแนวทางให้การจัดการข้อมูลภายในองค์กรเกิดความปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกระบวนการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีวิธีปฎิบัติและข้อแนะนำต่างๆ อยู่หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีปฎิบัติที่เรียกว่า มาตรฐาน (Standard) สำหรับการจัดการเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศก็มีอยู่เช่นกัน มาตรฐานเหล่านั้นจะมีข้อกำหนดและกระบวนการที่ชัดเจนที่เปรียบเสมือนไกด์ช่วยให้แต่ละองค์กรสามารถนำไปประยุกต์ใช้และเห็นผลได้จริง ดังนั้นแล้วการที่เราเลือกปฎิบัติตามมาตรฐานก็จะเป็นแนวทางให้เราสามารถทำการจัดการหรือพัฒนาระบบสารสนเทศไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ นอกจากจะช่วยให้เกิดระบบการจัดการที่มีความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยให้องค์กรเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน การวางแผน การใช้ข้อมูล ให้เกิดประสิทธิภาพ และยังสามารถประเมินและติดตามเพื่อป้องกันหรือตั้งรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างเช่นภัยไซเบอร์ที่มีมากมายในปัจจุบัน ในบทความนี้ จะยกมาตรฐานที่สำคัญสำหรับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดการและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้ได้รู้จักกัน ได้แก่ ISO/IEC 27001 และ NIST CSF ซึ่งเป็นส่วนมาตรฐานที่ควบคุมกระบวนการทำงานเพื่อความปลอดภัยทางด้านสารสนเทศที่ใช้กันแพร่หลายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก มาตรฐาน ISO 27001 และ NIST CSF ISO/IEC 27001 ISO/IEC 27001 จัดทำโดย International Organization for Standardization (ISO) and International Electrotechnical Commission (IEC) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศที่ถือว่าเป็นสากลที่หลายองค์กรให้การยอมรับและใช้กันทั่วโลก มีหลักการปกป้องข้อมูลที่เป็นหัวใจสำคัญ 3 หลักการ คือ ความเชื่อถือได้ ความถูกต้อง และการเข้าถึงได้ของระบบ (Confidentiality, Integrity and Availability) ข้อกำหนดใน ISO/IEC 27001 ระบุให้มีวงจรการทำงานเป็นระบบ Plan-Do-Check-Act นั่นคือ การสร้างแผนงาน ปฎิบัติ ดูแลติดตาม และการปรับปรุงให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องจนเป็นวัฎจักร ซึ่งเรียกว่า ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ Information Security Management System (ISMS) ซึ่งเป็นแนวทางและขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบต่อการสร้างการความปลอดภัยให้กับข้อมูลต่างๆ ที่องค์กรต้องรับผิดชอบ นำมาประยุกต์และปฎิบัติให้ครอบคลุมทุกส่วนงานส่วนต่างๆ ในองค์กรได้ เนื้อหาหลักใน ISMS จะเป็นแนวทางในการนำมาตราการควบคุมการปฎิบัติงานไปใช้ในระบบและส่วนต่างๆ ขององค์กร เรียกว่า Controls ซึ่งแบ่งหมวดเรียกเป็น Domain เช่น Information security policies, Access control, Physical and environmental security โดยแต่ละ Domain ดังกล่าว องค์กรก็จะนำมาตรการควบคุมด้านความมั่นคงปลอดภัยเหล่านั้นไปปฎิบัติให้เป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเช่น Information security policies ก็จะต้องมีการกำหนดนโยบายความปลอดภัยขององค์กรออกมาประกาศให้ทุกคนในองค์กรรับทราบ หรือ Physical and environmental security องค์กรก็จะต้องมีข้อกำหนดเรื่องการดำเนินการรักษาและป้องกันข้อมูลจากการถูกเข้าใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการออกแบบและการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อปกป้องอุปกรณ์หรือส่วนจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ISO ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องทำให้ครบทุก Controls ในแต่ละ Domain นั่นคือ ขึ้นอยู่กับองค์กรกำหนดเองว่าจะดำเนินการส่วนใดบ้าง ตามความเสี่ยงที่องค์กรได้วิเคราะห์มา หมายเหตุ: ปัจจุบัน ISO ประกาศ ISO/IEC 27002 ฉบับใหม่ซึ่งเป็นปี 2022 เป็นฉบับอธิบายมาตรการควบคุมข้างต้น มีการปรับเนื้อหาใหม่ แบ่งเป็นหมวดที่เรียกว่า Clauses แต่ยังคงรายละเอียดเดิม แต่จะมีมาตรการควบคุมการปฎิบัติงานให้ครอบคลุมในด้านความปลอดภัยด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Physical security monitoring, Threat intelligence, Data leakage prevention เป็นต้น NIST CSF NIST Cybersecurity Framework (CSF) เป็นกรอบทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ถูกกำหนดโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐ หรือรู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า The National Institute of Standards and Technology (NIST) และสำหรับประเทศไทยเราเองนั้นก็ได้นำ NIST CSF มาใช้เป็นแนวทางและกรอบการอ้างอิงในการสร้างความปลอดภัยให้กับระบบการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นของรัฐและเอกชนที่มีระบบการทำงานพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยถูกกำหนดในพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ข้อดีของ NIST CSF คือมีกรอบแนวทางการปฏิบัติที่เข้าใจง่ายและเป็นขั้นตอน โดยเฟรมเวิร์กได้แบ่งขั้นตอนและแผนการออกเป็น 5 ฟังก์ชันหลัก (Function) อ้างอิงจากเวอร์ชั่น 1.1 คือ (ณ ขณะที่เขียนบทความนี้ NIST CSF เวอร์ชั่น 2.0 ฉบับร่างได้ถูกเปิดสู่สาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านที่สนใจสามารถเข้าชมได้ด้วยลิงก์นี้ NIST CSWP 29, The NIST Cybersecurity Framework 2.0) การปฎิบัติตามแนวทางของ NIST CSF จะทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่าระบบสารสนเทศ และข้อมูล รวมทั้งเครือข่ายการใช้งานมีความปลอดภัย เนื่องจากครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการประเมิน ตั้งรับและตรวจสอบ ตลอดจนโต้ตอบกับปัญหาหรือภัยพิบัติทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นได้ ISO/IEC 27001 (ISMS) และ NIST CSF มีเนื้อหาบางส่วนที่ต่างและบางส่วนที่ตรงกัน ทั้งสองมาตรฐาน ISO/IEC 27001 (ISMS) และ NIST CSF มีเนื้อหาบางส่วนที่ต่างและบางส่วนที่ตรงกัน อาจกล่าวได้ว่า หากมีการนำไปดำเนินการและปฎิบัติ NIST CSF แล้วนั้นก็เทียบได้กับมีการปฎิบัติตามมาตรฐาน ISO 27001 เกือบครบถ้วนแล้ว ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน หากแต่การนำร่องปฏิบัติตามมาตรฐานของ NIST นั้นทำได้ง่ายกว่าเพราะเน้นปฎิบัติทางด้านเทคนิคซึ่งต่างจาก ISO ที่เนื้อหาเทคนิคน้อยกว่าแต่เน้นด้านการจัดการอย่างไรก็ตามสำหรับองค์กรที่ต้องการใบรับรอง (Certificate) นั้นจะมีเฉพาะจาก ISO เท่านั้นที่ออกใบรับรองเป็นทางการให้ ซึ่งแน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ถูกรับรองก็จะมีการตรวจเป็นรอบๆ เพื่อการขอใหม่ด้วยเช่นกัน การนำมาตรฐานความปลอดภัยมาปรับใช้ในองค์กรจะได้ประโยชน์ที่ชัดเจนในเรื่องความปลอดภัย การตรวจสอบได้ และเพิ่มความสามารถรับมือและจัดการกับความเสี่ยง ซึ่งในระยะยาวแล้วสามารถลดต้นทุนในด้านการปฎิบัติงานทั้งในเวลาปกติและเวลาที่ประสบภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรือภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีผลกับข้อมูล ระบบสารสนเทศ และรวมถึงชื่อเสียงขององค์กรด้วยเช่นกัน ทั้ง ISO/IEC 27001 (ISMS) และ NIST CSF เป็นมาตรฐานที่เข้ามาช่วยปรับปรุงความปลอดภัยให้กับองค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ และองค์กรอาจจะเลือกปฎิบัติหรือใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะทำให้เห็นผลได้ดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความจำเป็น ความต้องการ และการวิเคราะห์และเข้าใจจุดอ่อนของตนภายใต้บริบทและวัฒนธรรมขององค์กรเอง ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการนำมาตรฐานมาปฎิบัติใช้มากที่สุด หากมีโอกาส ในบทความคราวหน้าผู้เขียนจะมาแนะนำมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาระบบสารสนเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจในปัจจุบันต่อไปครับ...
26 September 2023
PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.