Digital Currency

Digital Currency

ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง

All Digital Currency

PostType Filter En

บทความ

CBDC: ระบบการเงินที่กำลังเปลี่ยนโลก และโอกาสของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, Part 2
smart contract คืออะไร cbdc กับข้อมูลส่วนบุคคล โอกาสของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล
1 September 2021

บทความ

CBDC: ระบบการเงินที่กำลังเปลี่ยนโลก และโอกาสของนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, Part 1
ทุกวันนี้ พูดได้เลยว่า ไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล (Digital Currency) ประเภทหนึ่ง โดยสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็น “เงินบนอินเทอร์เน็ต” กล่าวคือ มีอยู่ ถูกจัดเก็บ ถูกใช้ ผ่านระบบดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตทั้งหมด จากกระแสสกุลเงินดิจิทัล ธนาคารกลางแต่ละประเทศก็เริ่มตื่นตัวกับกระแสนี้ บทความนี้จะพาทุกท่านทำความรู้จักกับสกุลเงินดิจิทัลที่มาจากธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) และคลื่นลูกใหม่แห่งความเป็นไปได้ที่อาจจะพลิกโฉมชีวิตทางการเงินของเราทุกคนในอนาคต รวมถึงโอกาสด้านการวิเคราะห์ข้อมูลที่จะเกิดขึ้นจากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่จะเกิดขึ้นบนระบบทางการเงินดิจิทัลนี้ด้วย CBDC คืออะไร? CBDC คือ สกุลเงินดิจิทัลที่มีธนาคารกลางคอยกำกับดูแล เราอาจคุ้นหูในชื่อของ Digtal Yuan ของประเทศจีนหรือ Digital Thai Baht ของประเทศไทยมากกว่า แต่คำว่า CBDC ถือเป็นชื่อเรียกของนวัตกรรมนี้โดยรวม CBDC ถือเป็นเงินทางเลือก (เช่นเดียวกับ เงินสด และ ​​​เงินอิเล็กทรอนิกส์) เอาไว้ใช้ในกิจกรรมทางการเงินสำหรับประชากรที่อยู่อาศัยในประเทศนั้น สกุลเงินนี้จะถูกใช้อยู่บนกระเป๋าเงินดิจิทัล (บัญชีธนาคาร) และเราสามารถส่งเงินสกุลนี้ไปยังกระเป๋าเงินของบุคคลอื่นเพื่อใช้ในการชำระหนี้อย่างถูกกฎหมาย (เหมือนกับเงินสดทุกประการ) ธนาคารกลางจะมีหน้าที่กำกับดูแลระบบการใช้จ่ายนี้ในหลาย ๆ มิติ ได้แก่ ความปลอดภัยของระบบ ความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรม เสถียรภาพทางการเงินของสกุลเงินนี้ และ การวางรากฐานในการสร้างนวัตกรรมบนระบบนี้ เป็นต้น กล่าวโดยสรุปคือ CBDC เป็น “เงินสดในรูปแบบดิจิทัล” ที่รองรับโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศนั่นเอง CBDC เป็น “เงินสดในรูปแบบดิจิทัล” ที่รองรับโดยธนาคารกลางของแต่ละประเทศ CBDC แตกต่างจาก Internet Banking อย่างไร? ผู้อ่านหลาย ๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วทุกวันนี้ ที่เราโอนเงิน รับเงินกันผ่านมือถือ ผ่านแอพต่าง ๆ เช่น เป๋าตัง, TMB Touch, SCB Easy มันก็เหมือนเราใช้เงินในรูปแบบดิจิทัลอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้ว CBDC มันต่างจาก “เงินดิจิทัล” ที่เราใช้กันอยู่แล้วทุกวันนี้ บนแอพธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อย่างไร? Internet Banking คือบริการที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารพาณิชย์บนระบบการเงินแบบดั้งเดิม ในระบบการเงินนี้ ธนาคารพาณิชย์เป็นองค์กรธุรกิจทีมีหน้าที่รับฝากเงินจากลูกค้าและหากำไรจากการนำเงินเหล่านั้นไปลงทุน หรือปล่อยกู้เพื่อกินส่วนต่าง เงินที่เราฝากกับธนาคารพาณิชย์จะเป็นทรัพย์สินของธนาคารพาณิชย์ที่ตัวธนาคารสามารถไปสร้างผลกำไรต่อ และตัวเลขในบัญชีธนาคารคือหนี้สินของธนาคารที่มีต่อเรานั่นเอง ทุก ๆ ครั้งที่เราถอนเงินจากบัญชี เราได้ทำการขอคืนเงินของเราที่ให้ธนาคารยืมไป หากจะยกตัวอย่างกรณีสุดโต่งเพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น ธนาคารพาณิชย์เองก็สามารถล้มละลายได้ หากธนาคารพาณิชย์ปิดตัวลง เงินของเราที่ฝากในธนาคารก็มีความเสี่ยงที่จะหายไปด้วย โดยสรุป Internet Banking คือบริการเสริมจากบริการรับฝากเงินของธนาคารพาณิชย์ แต่ CBDC เปรียบเสมือนเงินสดบนระบบดิจิทัลรองรับโดยธนาคารกลาง ในอีกแง่หนึ่ง CBDC เป็นหนี้สินของธนาคารกลางที่มีต่อเรา (เช่นเดียวกันกับเงินสด) นอกจากนี้ CBDC จะถูกใช้งานอยู่บนระบบหลังบ้านในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบดิจิทัลจากธนาคารกลาง ระบบนี้จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศที่พัฒนารูปแบบของเงินให้อยู่บนระบบดิจิทัลแทน ระบบนี้นอกเหนือจากสามารถดำเนินการทำธุรกรรมทางเงินปกติแล้วนั้น ก็ยังรองรับการสร้างนวัตกรรมทางการเงินอื่น ๆ บนตัวระบบอีกด้วย โดยเฉพาะการเขียนสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) หรือการสร้างระบบการทำธุรกรรมอัตโนมัติโดยการกำหนดเงื่อนไขของการทำธุรกรรม (ซึ่งจะอธิบายเพิ่มเติมในบทความถัดไป) นอกเหนือจากนี้ CBDC ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะรองรับการเชื่อมต่อกับระบบดิจิทัลอื่น ๆ ที่จะตามมาอีกด้วย ตัวอย่างเช่น Asset Tokenization (การซื้อขายหน่วยสินทรัพย์บนระบบดิจิทัล), Digital Identity (ข้อมูลประจำตัวประชาชนบนระบบดิจิทัล), Digital Wallet (กระเป๋าสตางค์ดิจิทัล) เป็นต้น Internet Banking คือบริการที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารพาณิชย์บนระบบการเงินแบบดั้งเดิม แต่ CBDC เปรียบเสมือนเงินสดบนระบบดิจิทัลรองรับโดยธนาคารกลาง CBDC แตกต่างจาก Cryptocurrency อย่างไร? CBDC และ Cryptocurrency ทั้งคู่เปรียบเสมือนโฉมหน้าของการเงินของอนาคต ทั้งสองทำงานอยู่บนระบบดิจิทัลเหมือนกัน เราสามารถโอนย้ายสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยที่ไม่ถูกปิดกั้นจากข้อจำกัดทางกายภาพแบบเดิม ๆ ถึงกระนั้น ทั้งคู่มีความแตกต่างทางด้านเทคโนโลยีพื้นฐานและแนวคิดของการมีอยู่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้สกุลเงินทั้งสองมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เรามาทำความเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ให้ดีขึ้นกันดีกว่า วิธีที่จะเข้าใจ Cryptocurrency ที่ดี คือให้จินตนาการว่า ถ้าเราอยากส่งเงินไปให้แม่ค้าออนไลน์เพื่อซื้อของ เราจะทำอย่างไร? ในปัจจุบัน เราใช้บริการธนาคารในการโอนเงินจากบัญชีของเราไปหาบัญชีของแม่ค้า ธุรกรรมนี้จะถูกบันทึกโดยธนาคาร เพราะเราเชื่อใจให้ธนาคารที่เก็บเงินและทำธุรกรรมให้เรา  นี้คือระบบการเงินในปัจจุบันที่เราอาศัย “ตัวกลาง” ในการทำธุรกรรมให้เรา (ดังในรูปที่ 4 ด้านซ้าย) แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีบล็อกเชนอนุญาตให้มีระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ช่วยกันเก็บข้อมูลร่วมกันด้วยหลักการกระจายศูนย์ข้อมูล (Distributed Ledger Technology: DLT) และป้องกันไม่ให้ข้อมูลในอดีตถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยศาสตร์การเข้ารหัส (Cryptography) เทคโนโลยีนี้จะเข้ามาสร้างผลกระทบในระบบการเงินปัจจุบัน ด้วยการสร้างระบบคอมพิวเตอร์กระจายศูนย์เพื่อร่วมกันบันทึกธุรกรรมการเงินที่เกิดขึ้นในระบบทั้งหมด (ดังในรูปที่ 4 ด้านขวา) โดยที่ตัว Cryptocurrency เองจะถูกใช้เป็นทั้งตัวทรัพย์สินและค่าบริการในระบบการทำธุรกรรมไร้พรมแดนนี้ ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงกล่าวว่า Cryptocurrency เป็นระบบการเงินที่ “ไร้ตัวกลาง” ในปัจจุบันการใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้ช่วยสร้างอรรถประโยชน์อีกมากโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ยังพึ่งพาตัวกลาง ได้แก่ การฝาก-กู้เงิน การซื้อ-ขายพลังงานสะอาด การขอข้อมูลจากแหล่งข้อมูล (API) เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดความต้องการในการใช้บริการระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งนั่นส่งผลให้เหรียญ Cryptocurrency ที่ถูกใช้เป็นค่าบริการมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสรุปแล้ว Cryptocurrency เป็นสกุลเงินเพื่อใช้ในการโอนย้ายมูลค่า และใช้เพื่อจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้บริการในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์กระจายศูนย์ ส่วน CBDC เป็นเงินสดในระบบดิจิทัลที่ดูแลโดยธนาคารกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมทางการเงินในประเทศ หน้าที่อีกอย่างของธนาคารกลางคือการทำให้เงินสกุลนี้มีเสถียรภาพ ผ่านนโยบายทางการเงินต่าง ๆ นอกเหนือจากนี้ ธนาคารกลางยังมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินสกุลนี้ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงิน และการก่อการร้าย เป็นต้น และท้ายที่สุด CBDC ก็พร้อมจะรองรับการสร้างเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระบบ Cryptocurrency อีกด้วย แต่ทำงานโดยที่มีธนาคารกลาง/รัฐบาลดูแลอยู่ เพราะฉะนั้น CBDC เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกกำกับดูแลโดยธนาคารกลาง ทั้งคู่เปรียบเสมือนเหรียญสองด้านของระบบการเงินในโลกอนาคต ธนาคารกลางมีเหตุผลในการควบคุม CBDC สกุลเงินนี้ เพราะมันเป็นตัวอำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมทางการเงินภายในประเทศ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายทางการเงินต่าง ๆ พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดการนำเงินนี้ไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ในขณะที่ Cryptocurrency เน้นทางด้านการใช้ประโยชน์จากระบบเก็บข้อมูลที่ไม่อาศัยตัวกลางใด ๆ และในบางเหรียญ เช่น Bitcoin ก็มีคุณค่าในการไม่สามารถถูกควบคุมโดยใคร และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินได้อีก ปัจจัยเหล่านี้สร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลในการยอมรับ Cryptocurrency ให้มีการใช้งานจริงในประเทศ เพราะอาจทำให้รัฐบาล/ธนาคารกลางไม่สามารถออกนโยบายทางการเงินที่เกิดประสิทธิผลในประเทศได้ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีอะไรที่แน่ชัดออกมาจากธนาคารกลาง เป็นไปได้ว่าความสัมพันธ์ของเงินสองสกุลนี้อาจจะเสริมซึ่งกันและกันก็เป็นได้ Cryptocurrency เป็นสกุลเงินเพื่อใช้ในการโอนย้ายมูลค่า และใช้เพื่อจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมในการใช้บริการในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์กระจายศูนย์ ในขณะที่ CBDC เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกกำกับดูแลโดยธนาคารกลาง ซึ่งในทั้งสองระบบ เราสามารถโอนย้ายสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยที่ไม่ถูกปิดกั้นจากข้อจำกัดทางกายภาพแบบเดิม ๆ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจจากการออก CBDC คนจะเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น ในประเทศที่ยากจน ธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เลือกที่จะเปิดสาขาในพื้นที่ในเมืองไม่ใช่ชนบท เป็นเพราะว่า ธนาคารสามารถทำกำไรกับลูกค้าบริเวณนั้น ทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ห่างไกลไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างเท่าเทียม แต่เมื่อ CBDC มาแล้วนั้น...
24 June 2021
PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.