ในโลกปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานภาครัฐย่อมต้องมีความเกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลอย่างหลีกเลี่ยงไมได้ เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “โลกขับเคลื่อนได้ด้วยข้อมูล” นั่นคือ ข้อมูลมีความสำคัญอย่างมากต่อการดำเนินการต่างๆ ขององค์กร ยกตัวอย่างเช่น แผนธุรกิจ โปรเจค ข้อมูลสินค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่คิดค้นขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลภายในองค์กรเอง นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลที่มาจากภายนอกองค์กร เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลที่ต้องโปรเซสต่างๆ ซึ่งองค์กรหรือธุรกิจบริการเหล่านั้นก็ต้องดูแลรับผิดชอบข้อมูลเหล่านี้ด้วยข้อมูลอาจถูกจำแนกความสำคัญในระดับต่างๆ กันไปไม่มากก็น้อย ตามความเสี่ยงหรือความอ่อนไหวของข้อมูล ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องมีวิธีการจัดการที่ดีและเป็นระบบ เพราะหากเกิดกรณีสูญหาย หรือหลุดรั่วออกไปแล้วอาจเกิดผลกระทบกับองค์กรอย่างมาก Best practices จะช่วยเป็นแนวทางให้การจัดการข้อมูลภายในองค์กรเกิดความปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วิธีปฎิบัติที่ดี หรือที่เรียกว่า Best practices จะช่วยเป็นแนวทางให้การจัดการข้อมูลภายในองค์กรเกิดความปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกระบวนการทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นมีวิธีปฎิบัติและข้อแนะนำต่างๆ อยู่หลากหลายวิธี ซึ่งวิธีปฎิบัติที่เรียกว่า มาตรฐาน (Standard) สำหรับการจัดการเทคโนโลยีและข้อมูลสารสนเทศก็มีอยู่เช่นกัน มาตรฐานเหล่านั้นจะมีข้อกำหนดและกระบวนการที่ชัดเจนที่เปรียบเสมือนไกด์ช่วยให้แต่ละองค์กรสามารถนำไปประยุกต์ใช้และเห็นผลได้จริง ดังนั้นแล้วการที่เราเลือกปฎิบัติตามมาตรฐานก็จะเป็นแนวทางให้เราสามารถทำการจัดการหรือพัฒนาระบบสารสนเทศไปในทิศทางที่ถูกต้องได้ นอกจากจะช่วยให้เกิดระบบการจัดการที่มีความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยให้องค์กรเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงาน การวางแผน การใช้ข้อมูล ให้เกิดประสิทธิภาพ และยังสามารถประเมินและติดตามเพื่อป้องกันหรือตั้งรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นอย่างเช่นภัยไซเบอร์ที่มีมากมายในปัจจุบัน ในบทความนี้ จะยกมาตรฐานที่สำคัญสำหรับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดการและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาให้ได้รู้จักกัน ได้แก่ ISO/IEC 27001 และ NIST CSF ซึ่งเป็นส่วนมาตรฐานที่ควบคุมกระบวนการทำงานเพื่อความปลอดภัยทางด้านสารสนเทศที่ใช้กันแพร่หลายในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก มาตรฐาน ISO 27001 และ NIST CSF ISO/IEC 27001 ISO/IEC 27001 จัดทำโดย International Organization for Standardization (ISO) and International Electrotechnical Commission (IEC) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศที่ถือว่าเป็นสากลที่หลายองค์กรให้การยอมรับและใช้กันทั่วโลก มีหลักการปกป้องข้อมูลที่เป็นหัวใจสำคัญ 3 หลักการ คือ ความเชื่อถือได้ ความถูกต้อง และการเข้าถึงได้ของระบบ (Confidentiality, Integrity and Availability) ข้อกำหนดใน ISO/IEC 27001 ระบุให้มีวงจรการทำงานเป็นระบบ Plan-Do-Check-Act นั่นคือ การสร้างแผนงาน ปฎิบัติ ดูแลติดตาม และการปรับปรุงให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่องจนเป็นวัฎจักร ซึ่งเรียกว่า ระบบบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ Information Security Management System (ISMS) ซึ่งเป็นแนวทางและขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบต่อการสร้างการความปลอดภัยให้กับข้อมูลต่างๆ ที่องค์กรต้องรับผิดชอบ นำมาประยุกต์และปฎิบัติให้ครอบคลุมทุกส่วนงานส่วนต่างๆ ในองค์กรได้ เนื้อหาหลักใน ISMS จะเป็นแนวทางในการนำมาตราการควบคุมการปฎิบัติงานไปใช้ในระบบและส่วนต่างๆ ขององค์กร เรียกว่า Controls ซึ่งแบ่งหมวดเรียกเป็น Domain เช่น Information security policies, Access control, Physical and environmental security โดยแต่ละ Domain ดังกล่าว องค์กรก็จะนำมาตรการควบคุมด้านความมั่นคงปลอดภัยเหล่านั้นไปปฎิบัติให้เป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างเช่น Information security policies ก็จะต้องมีการกำหนดนโยบายความปลอดภัยขององค์กรออกมาประกาศให้ทุกคนในองค์กรรับทราบ หรือ Physical and environmental security องค์กรก็จะต้องมีข้อกำหนดเรื่องการดำเนินการรักษาและป้องกันข้อมูลจากการถูกเข้าใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการออกแบบและการใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อปกป้องอุปกรณ์หรือส่วนจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น ISO ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องทำให้ครบทุก Controls ในแต่ละ Domain นั่นคือ ขึ้นอยู่กับองค์กรกำหนดเองว่าจะดำเนินการส่วนใดบ้าง ตามความเสี่ยงที่องค์กรได้วิเคราะห์มา หมายเหตุ: ปัจจุบัน ISO ประกาศ ISO/IEC 27002 ฉบับใหม่ซึ่งเป็นปี 2022 เป็นฉบับอธิบายมาตรการควบคุมข้างต้น มีการปรับเนื้อหาใหม่ แบ่งเป็นหมวดที่เรียกว่า Clauses แต่ยังคงรายละเอียดเดิม แต่จะมีมาตรการควบคุมการปฎิบัติงานให้ครอบคลุมในด้านความปลอดภัยด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น Physical security monitoring, Threat intelligence, Data leakage prevention เป็นต้น NIST CSF NIST Cybersecurity Framework (CSF) เป็นกรอบทำงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่ถูกกำหนดโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐ หรือรู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า The National Institute of Standards and Technology (NIST) และสำหรับประเทศไทยเราเองนั้นก็ได้นำ NIST CSF มาใช้เป็นแนวทางและกรอบการอ้างอิงในการสร้างความปลอดภัยให้กับระบบการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่จำเป็นของรัฐและเอกชนที่มีระบบการทำงานพื้นฐานอยู่บนเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยถูกกำหนดในพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ข้อดีของ NIST CSF คือมีกรอบแนวทางการปฏิบัติที่เข้าใจง่ายและเป็นขั้นตอน โดยเฟรมเวิร์กได้แบ่งขั้นตอนและแผนการออกเป็น 5 ฟังก์ชันหลัก (Function) อ้างอิงจากเวอร์ชั่น 1.1 คือ (ณ ขณะที่เขียนบทความนี้ NIST CSF เวอร์ชั่น 2.0 ฉบับร่างได้ถูกเปิดสู่สาธารณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านที่สนใจสามารถเข้าชมได้ด้วยลิงก์นี้ NIST CSWP 29, The NIST Cybersecurity Framework 2.0) การปฎิบัติตามแนวทางของ NIST CSF จะทำให้องค์กรมั่นใจได้ว่าระบบสารสนเทศ และข้อมูล รวมทั้งเครือข่ายการใช้งานมีความปลอดภัย เนื่องจากครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการประเมิน ตั้งรับและตรวจสอบ ตลอดจนโต้ตอบกับปัญหาหรือภัยพิบัติทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นได้ ISO/IEC 27001 (ISMS) และ NIST CSF มีเนื้อหาบางส่วนที่ต่างและบางส่วนที่ตรงกัน ทั้งสองมาตรฐาน ISO/IEC 27001 (ISMS) และ NIST CSF มีเนื้อหาบางส่วนที่ต่างและบางส่วนที่ตรงกัน อาจกล่าวได้ว่า หากมีการนำไปดำเนินการและปฎิบัติ NIST CSF แล้วนั้นก็เทียบได้กับมีการปฎิบัติตามมาตรฐาน ISO 27001 เกือบครบถ้วนแล้ว ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน หากแต่การนำร่องปฏิบัติตามมาตรฐานของ NIST นั้นทำได้ง่ายกว่าเพราะเน้นปฎิบัติทางด้านเทคนิคซึ่งต่างจาก ISO ที่เนื้อหาเทคนิคน้อยกว่าแต่เน้นด้านการจัดการอย่างไรก็ตามสำหรับองค์กรที่ต้องการใบรับรอง (Certificate) นั้นจะมีเฉพาะจาก ISO เท่านั้นที่ออกใบรับรองเป็นทางการให้ ซึ่งแน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ถูกรับรองก็จะมีการตรวจเป็นรอบๆ เพื่อการขอใหม่ด้วยเช่นกัน การนำมาตรฐานความปลอดภัยมาปรับใช้ในองค์กรจะได้ประโยชน์ที่ชัดเจนในเรื่องความปลอดภัย การตรวจสอบได้ และเพิ่มความสามารถรับมือและจัดการกับความเสี่ยง ซึ่งในระยะยาวแล้วสามารถลดต้นทุนในด้านการปฎิบัติงานทั้งในเวลาปกติและเวลาที่ประสบภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรือภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีผลกับข้อมูล ระบบสารสนเทศ และรวมถึงชื่อเสียงขององค์กรด้วยเช่นกัน ทั้ง ISO/IEC 27001 (ISMS) และ NIST CSF เป็นมาตรฐานที่เข้ามาช่วยปรับปรุงความปลอดภัยให้กับองค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ และองค์กรอาจจะเลือกปฎิบัติหรือใช้ทั้งสองแนวทางร่วมกันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะทำให้เห็นผลได้ดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความจำเป็น ความต้องการ และการวิเคราะห์และเข้าใจจุดอ่อนของตนภายใต้บริบทและวัฒนธรรมขององค์กรเอง ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการนำมาตรฐานมาปฎิบัติใช้มากที่สุด หากมีโอกาส ในบทความคราวหน้าผู้เขียนจะมาแนะนำมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาระบบสารสนเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจในปัจจุบันต่อไปครับ...