NFT

NFT

ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง

Related news and articles

PostType Filter En

บทความ

วิเคราะห์ NFT: ความเข้าใจในมูลค่าสินทรัพย์
ตามหลักการแล้ว มูลค่าของ Non-Fungible Token (NFT) หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัวในทุกวันนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมองมันอย่างไร โดยเมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าของ NFT ชิ้นหนึ่งจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้แน่ชัด ( NFT คือ ) ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา แนวคิดของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะตัว (NFT) ได้กลายเป็นตัวแทนของนวัตกรรมเทคโนโลยีที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งในยุคนี้ ตามแก่นแท้ของ NFT คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้น ซื้อขาย และแลกเปลี่ยนในตลาด Blockchain ส่วนใหญ่ผ่านทางสกุลเงินคริปโต เช่น Ethereum เป็นต้น การผสมผสานเทคโนโลยี Blockchain เข้าด้วยกันสามารถทำให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์ได้ว่า NFT แต่ละชิ้นเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลของแท้ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ Blockchain ยังสามารถช่วยตามรอยเจ้าของคนก่อน ๆ ได้อีกด้วย ตั้งแต่มีการเปิดตัวในวงกว้างในปี 2017 ผ่านทางเกม เช่น Axie Infinity, CryptoKitties, และ My Crypto Heroes เป็นต้น NFT ก็ได้รับความนิยมอย่างมากมายมหาศาลจากคนทั่วโลก จากการประสบความสำเร็จในการผสมผสานเข้ากับโลกแห่งศิลปะดิจิทัล NFT บางชิ้นสามารถขายได้หลายล้าน หรือแม้กระทั่งหลายสิบล้านดอลลาร์ ทำให้มีการคาดคะเนกันอย่างแพร่หลายถึงมูลค่าที่แท้จริงของ NFT ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทใหม่ขึ้นมา อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ตัว NFT เกือบทั้งหมดมีมูลค่าน้อยมาก ไปจนถึงไม่มีมูลค่าที่แท้จริงเลย แต่มูลค่าของ NFT กลับขึ้นอยู่กับความต้องการที่ผันผวนของตลาดผู้บริโภค NFT สร้างมูลค่าอย่างไร โดยพื้นฐานแล้ว จุดดึงดูดของ NFT คือการคนซื้อสามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่ง สิ่งของที่ใช้ในวิดีโอเกม หรือแม้แต่ไฟล์ ทวีตแรกสุด ของแจ็ค ดอร์ซีย์ อดีต CEO ของทวิตเตอร์ แม้ว่าจะมีอีกบุคคลหนึ่งที่ “เป็นเจ้าของ” ชิ้นดั้งเดิมที่ถูกเปลี่ยนให้เป็น NFT (เช่นศิลปินปล่อยเพลงหรือ มิวสิควิดีโอเป็น NFT) ผู้ซื้อ NFT ก็สามารถอวดอ้างสิทธิ์การเป็นเจ้าของไฟล์ดั้งเดิมได้  หลังจากนั้นเจ้าของจะเลือกถือสิทธิ์การเป็นเจ้าของ NFT นั้นไว้หรือจะเลือกขายต่อเพื่อเอากำไรก็ย่อมได้ เพื่อทำความเข้าใจเรื่องนี้ เราต้องดูว่ามูลค่าของ NFT แปรผันตามมูลค่าที่ผู้ใช้มองมันอย่างไร ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้จำนวนมากในกลุ่มตลาดผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งมอง NFT ชิ้นนั้นว่าเป็นของหายากกว่าชิ้นอื่น ๆ ผู้ใช้เหล่านั้นยิ่งให้มูลค่า NFT ดังกล่าวมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้สะสมงานศิลปะหรือของที่ระลึกเกี่ยวกับกีฬา มูลค่านั้นไม่ได้มีอยู่ในตัวสิ่งของที่พวกเขาได้มา แต่อยู่ที่ว่าตลาดมองเห็นมันอย่างไร  อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกด้านหนึ่งของ NFT ที่สามารถช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มเติมได้ผ่านการผสมผสานการใช้สัญญาอัจฉริยะหรือสมาร์ทคอนแทรคท์ การสร้างมูลค่าในกรรมสิทธิ์ตลอดชีพผ่านสัญญาอัจฉริยะ สัญญาเหล่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์และความเป็นเจ้าของ NFT ใดก็ได้เมื่อมีการทำธุรกรรมซื้อขาย เพราะภายใน Blockchain นั้นมีโปรแกรมสำหรับ สัญญาอัจฉริยะ อยู่ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นได้ว่าใครเป็นคนแรกที่สร้าง NFT ชิ้นนั้นแล้ว สัญญาอัจฉริยะยังสามารถอนุญาตให้ผู้สร้างคนแรกได้รับเงินส่วนหนึ่งในรูปแบบของ การจ่ายเงินค่าสิทธิ จากธุรกรรมแต่ละครั้งที่เกิดขึ้นได้ด้วย บางทีนี่อาจเป็นวิธีที่ถูกต้องและยุติธรรมที่สุดที่สินทรัพย์ดิจิทัลชนิดใหม่อย่าง NFT สามารถให้ส่วนแบ่งโดยตรงกับทั้งผู้สร้างและผู้บริโภคอย่างเท่าเทียม ยิ่ง NFT นั้นขายได้ราคามากเท่าไร ผู้สร้างคนแรกก็จะยิ่งสามารถได้รับค่าสิทธิมากขึ้นเท่านั้นผ่านสัญญาอัจฉริยะของสินทรัพย์นั้น Andy Rosen (แอนดี้ โรเซ็น) นักเขียนด้านการลงทุนของ Nerdwallet กล่าวว่า “ในทางกลับกัน ผู้ซื้อที่สนับสนุนผู้สร้างที่กำลังลำบากด้วยการซื้อ NFT อาจมีโอกาสได้ส่วนแบ่งรายรับจากโครงการอื่น ๆ ในภายภาคหน้า”  Rosen อธิบายถึงอีกวิธีการหนึ่งซึ่ง NFT สามารถสร้างมูลค่าได้โดยการใช้วิธีลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยก VeeFriends ของนักลงทุน Gary Vaynerchuk (แกรีย์ เวย์เนอร์ชัค) มาเป็นตัวอย่าง คนที่ซื้อ NFT ชุดนี้หนึ่งชุด จะได้รับตั๋วฟรีเข้าร่วม VeeCon ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ทางธุรกิจประจำปีของ Vaynerchuk อีกทั้งยังเป็น “งานอีเว้นท์สำหรับผู้ถือ NFT [VeeFriend] โดยเฉพาะ” อีกด้วย บางคนอาจประหลาดใจเมื่อทราบว่า หากอ้างอิงจากแนวคิดทั่ว ๆ ไปนั้น NFT ไม่มีมูลค่าที่แท้จริงอยู่เลย แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่า NFT ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลกลุ่มหนึ่งจะไม่มีมูลค่า แม้ว่าจะมีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อมูลค่าที่ NFT หนึ่ง ๆ จะถูกตีราคา แต่ปัจจัยเหล่านั้นแทบทั้งหมดได้รับอิทธิพลและถูกกำหนดโดยตลาดผู้ใช้เพียงอย่างเดียว ยิ่ง NFT หายากหรือมีประโยชน์มากเท่าไร หรือยิ่งสินทรัพย์บางอย่างมีศักยภาพในการลงทุนสูงเท่าไร ผู้ใช้หลายคนยิ่งมองเห็นมูลค่าสูงมากขึ้นเท่านั้น หากไม่มีมูลค่าที่รับรู้จากตลาด NFT ก็ไม่ได้มีมูลค่ามากไปกว่าสินทรัพย์หรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ เนื่องจากหลายๆ คนยังถือว่า NFT เป็นนวัตกรรมใหม่ ศักยภาพที่แท้จริงของมันในฐานะสิ่งสร้างมูลค่าจึงยังคงถูกมองข้ามอยู่  แม้ว่าอาจมีเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่จนกว่าวันนั้นจะมาถึง NFT ก็มีมูลค่าแค่เท่าที่ตลาดเห็นว่ามันมี บทความโดย Hironobu Uenoเนื้อหาจากบทความของ InformationWeekแปลและเรียบเรียงโดย ไอสวรรค์ ไชยชะนะตรวจทานและปรับปรุงโดย ดวงใจ จิตคงชื่น
24 August 2022

บทความ

อะไรคือเกม NFT และประโยชน์ของเกม NFT คืออะไร?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกท่านน่าจะพอรู้จักอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเกมกันไม่มากก็น้อยอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ว่ามีเกมทั้งประเภท ออฟไลน์ และออนไลน์ที่ผลิตออกมาเพื่อให้คนทั่ว ๆ ไปสามารถเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน และความสนุกสนานรวมไปถึงการสร้างรายได้จากการเล่นเกมเช่นกัน โดยในยุคปัจจุบันได้มีเกมในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าเกม NFT ซึ่งใช้ระบบบล็อกเชน (Blockchain) หรือก็คือเทคโนโลยีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ ที่ช่วยในการบันทึกข้อมูลโดยใช้หลักการเข้ารหัส (Cryptography) ร่วมกับกลไลฉันทามติ (Consensus) เพื่อทำให้ข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสและไม่สามารถถูกแก้ไขได้ (Immutable) พอถึงตรงนี้ก็อาจจะสงสัยใช่ไหมครับว่าแล้วคำว่า NFT คืออะไร NFT หรือ Non-Fungible Token คือโทเค็นที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยเสมือนเป็นสิ่งของที่มีอยู่ชิ้นเดียวบนบล็อกเชน เพื่อให้ผู้ถือครองเป็นเจ้าของโทเค็นนั้น ๆ และเจ้าตัวโทเค็นเหล่านี้ ก็สามารถใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายได้เช่นกัน ต่อมาเราจะมาพูดถึง เกม NFT คืออะไร และต่างจากเกมออนไลน์ทั่วไปอย่างไร เกม NFT จริง ๆ แล้วก็เหมือนเกมออนไลน์ทั่ว ๆ ไปที่ผู้เล่นสามารถรับไอเทมต่าง ๆ ภายในเกมได้โดยการเล่น หรือบรรลุภารกิจ ต่าง ๆ ภายในเกม และสามารถนำรางวัลที่ได้จากในเกม หรือไอเทมต่าง ๆ เป็น NFT และสามารถนำไปขายกับผู้เล่นคนอื่น ๆ แลกกับสกุลเงินดิจิทัล แล้วจึงแลกออกมาเป็นเงินจริงได้ในที่สุด ซึ่งตรงนี้ทุกคนก็อาจจะสงสัยว่า แล้วมันต่างจากเกมออนไลน์ทั่วไปยังไง เนื่องจากเกมออนไลน์ทั่วไป ก็สามารถที่จะนำไอเทมต่าง ๆ ที่สะสมภายในเกม แลกเปลี่ยนกับผู้เล่นอื่น ๆ เพื่อสร้างเป็นระบบเศรษฐกิจทั้งในเกม และนอกเกมได้เช่นกันโดยที่ไม่ต้องมี NFT อย่างไรก็ตาม จุดที่ต่างกันสำหรับเกมออนไลน์ทั่วไปกับเกม NFT นั้นคือไอเทมต่าง ๆ ภายในเกมที่ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมมาได้นั้น ไม่ถือว่าผู้เล่นได้เป็นเจ้าของพวกมันอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากไอเทมเหล่านั้นถูกเก็บข้อมูลไว้ในเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการเกม ทำให้ผู้ดูแลเกมสามารถแก้ไขข้อมูลทุกอย่างในเซิร์ฟเวอร์นี้ได้หากต้องการ นั่นหมายความว่าสถานะการถือครองของในเกมของเราขึ้นอยู่กับผู้ดูแลเกมโดยสมบูรณ์ ในทางกลับกัน ไอเทมในเกม NFT จะถือว่าเป็นของผู้เล่นจริง ๆ และไม่มีใครสามารถเอาไอเทมนี้ของเราไปได้ ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่ทำไม เกม NFT ถึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้เล่นที่ต้องการสร้างรายได้จากการเล่นเกม แล้วทำไมผู้ดูแลถึงไม่สามารถทำอะไรกับไอเทมของเราได้ละ? ซึ่งก็เพราะว่าเรามี private key หรือกุญแจในการอนุมัติการโอนสินทรัพย์ หรือไอเทมของเราไปให้คนอื่น นอกจากนี้ข้อมูลไอเทมก็ยังถูกเก็บแบบกระจายศูนย์ ดังที่กล่าวไว้ในย่อหน้าแรก เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปได้ยากมาก ๆ ในการที่ใครจะแก้ไขสถานะการถือครองทรัพย์สินของเราไปให้คนอื่นโดยปราศจากความสมัครใจของเรา เศรษฐกิจโลกของวิดีโอเกม บล็อกเชน และสกุลเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นทุกวัน ดังนั้นการสร้างรายได้ผ่านตลาดบล็อกเชน และตลาดคริปโตนั้นถือเป็นวิธีการที่มีศักยภาพอย่างมากในช่วงนี้ โดยเกม NFT นั้นได้กลายเป็นวิธีใหม่ในการสร้างตลาดสินค้า และบริการอย่างมีประสิทธิภาพ และในขณะเดียวกันยังดึงดูดทั้งนักลงทุนและผู้เล่นในเกมอีกด้วย มูลค่าของเกมจึงถูกกำหนดด้วยจำนวนผู้เล่นที่มีความเกี่ยวข้องกับเกมเป็นประจำ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เกม NFT สามารถเพิ่มมูลค่าของตลาดเกมได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้เกม NFT ก็ยังนำเสนอตัวเลือกใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักลงทุนและผู้เล่นตลอดเวลาอีกเช่นกัน ถึงตรงนี้ทุกท่านอาจจะเห็นภาพของเกม NFT กันยังไม่ชัดเจนใช่มั้ยครับ เราจะขอยกตัวอย่างเกม Axie Infinity เพื่อขยายความให้เห็นภาพกันชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ Axie Infinity ถือว่าเป็น 1 ในเกม NFT ที่ประสบความสำเร็จที่สุดโดยเกมมีลักษณะเหมือนกับการนำส่วนผสมของเกมโปเกม่อน และเกมแนวการ์ดมาไว้ด้วยกัน โดยที่ผู้เล่นจะต้องมี Axie อย่างน้อย 3 ตัวเพื่อที่จะเล่นในโหมดผจญภัย หรือลานประลองของเกมได้ ซึ่งรูปแบบการเล่นจะเป็นแบบ Turn-Based โดยผู้เล่นจะต้องเลือกการ์ด เพื่อออกท่าโจมตีให้กับ Axie เพื่อใช้ในการต่อสู้กับ Axie ของผู้เล่นคนอื่น ๆ นอกจากนี้ตัวเกมก็ยังมีโหมดที่สามารถผสมพันธุ์ Axie เข้าด้วยกันเพื่อทำให้เราได้รับ Axie ที่มีความเก่งและหายากมากขึ้นอีกด้วย เกม Axie Infinity นั้นมียอดผู้เล่นกว่า 1 ล้านรายต่อวันและมีมูลค่าเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในเกม เทียบเท่ากับ GDP ของบางประเทศเลยทีเดียว ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถบอกได้เลยว่าเกม Axie Infinity นั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก สำหรับระบบเศรษฐกิจภายในเกมนั้นจะมีการซื้อ-ขาย แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ 1. ขวด Smooth Love Potion (SLP) เป็นหนึ่งใน Cryptocurrency ที่มีการซื้อขายในตลาด ซึ่งได้จากการเล่นเกมทั้งในแบบผจญภัย หรือลานประลอง โดยตัวขวด SLP นี้เองจะใช้ในการผสมพันธุ์ Axie เพื่อให้ได้ Axie พันธุ์ใหม่ที่มีความหายากมากกว่าเดิมนั่นเอง 2. เหรียญ Axis Infinity Shards (AXS) จะได้รับจากการเล่นในโหมดลานประลอง โดยที่ผู้เล่นจะต้องแข่งกันให้ได้อันดับสูงที่สุดเพื่อที่จะได้รับเหรียญในจำนวนที่มากขึ้น โดยเหรียญ AXS นั้นจะมีไว้ใช้ในการโหวตเพื่อกำหนดทิศทางพัฒนาเกม (Governance) ได้ 3. การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ NFT นั่นคือตัว Axie และไข่ของตัว Axie นั่นเอง ซึ่งการขายตัว Axie และไข่ของ Axie ก็เป็นอีก 1 ช่องทางสำหรับการซื้อ-ขาย โดยที่ผู้เล่นสามารถนำ Axie ที่มีอยู่มาผสมพันธุ์ เพื่อให้ได้ Axie ตัวใหม่ที่มีลักษณะพิเศษ และขายในตลาดในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งการจะผสมพันธุ์ได้นั้น จะต้องใช้ขวด SLP และค่าธรรมเนียม AXS 2 เหรียญ โดยระยะเวลาที่ต้องรอคอยประมาณ 5 วัน ก่อนไข่จะฟัก แต่ผู้เล่นสามารถขายไข่ในตลาดได้เลย โดยที่ไม่ต้องรอให้ฟักจนเสร็จ จากระบบเศรษฐกิจที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้นนั้นให้อะไรกับผู้เล่นและผู้พัฒนาบ้างละ ? สำหรับผู้เล่นนั้นจะได้รายได้จากการขายขวด SLP และเหรียญ AXS ที่ได้รับจากลานประลองหรือการขาย Axie หรือไข่ ให้กับผู้เล่นอื่น ๆ ที่ต้องการ ส่วนผู้เล่นที่ซื้อนั้นก็จะได้ Axie ที่มีลักษณะพิเศษเพิ่มขึ้นสามารถนำไปผสมพันธุ์และต่อยอดเพื่อเล่นในโหมดอารีน่าให้ได้อันดับที่สูงมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้พัฒนานั้นจะได้รายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกรรมต่าง ๆ ของผู้เล่น ซึ่งยิ่งมีจำนวนผู้เล่นมากผู้พัฒนาก็ได้รายได้จากค่าธรรมเนียมมากขึ้นเช่นกัน หลังจากที่เราพูดถึงแต่ข้อดีหรือประโยชน์ของ NFT กันแล้ว เราจะมาพูดถึงความเสี่ยงของการเล่นเกม NFT กันบ้าง จากที่ผมได้กล่าวไว้ว่า เกม NFT สามารถสร้างรายได้ให้กับผู้เล่นได้ แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้กำไรก็ย่อมที่จะต้องมีการลงทุนก่อนครับ (Pay-To-Play)  ซึ่งการลงทุนก็คือการใช้เงินจริงๆ ซื้อทรัพย์สินภายในเกมเพื่อใช้ในการเล่นเกมนั่นเอง โดยตามหลักแล้วถ้าหากเราลงทุนจำนวนมากก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้กำไรที่ค่อนข้างมากเช่นกัน แต่ทว่าเกมส่วนใหญ่นั้น ใช้วิธีการหาเงินในลักษณะการพึ่งพาเงินของผู้เล่นใหม่เพื่อที่จะจ่ายผู้เล่นเก่าซึ่งมันไม่ค่อยยั่งยืนครับ และพอเมื่อมีจำนวนผู้เล่นที่ลดลงเรื่อย ๆ และไม่ค่อยมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเล่นเกมอีก ราคาของสินทรัพย์ หรือไอเทมภายในเกมมีราคาที่ตกลงเรื่อยๆ เนื่องจากความต้องการซื้อ  (Demand) ลดลงแต่ความต้องการขาย (Supply) ยังคงเท่าเดิม จนทำให้ผู้เล่นนั้นสูญเสียเงิน และขาดทุนในที่สุด นอกจากนี้จะมีอีกคำหนึ่งที่หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยได้ยินกันบ่อย ๆ กับคำว่า Rug Pull ซึ่งนั่นคือเหตุการณ์ที่นักต้มตุ๋นทั้งหลาย ได้โปรโมทตัวเกม NFT ด้วยภาพ, คำโฆษณาเกี่ยวกับระบบเกม...
21 July 2022

บทความ

ที่ดินเสมือนบน Metaverse Thailand (Virtual Land on Metaverse Thailand)
ที่ดินในโลกเสมือนกับที่ดินในโลกของความเป็นจริงมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร ปัจจุบันคำว่า Metaverse ถูกใช้ออกไปอย่างกว้างขวาง และมีความเข้าใจในหลากหลายมุมมอง แล้วเราก็พบว่ามีการตีความเรื่อง Metaverse ตามประสบการณ์ของผู้สร้าง ซึ่งวันนี้เราจะตีความ Metaverse จากประสบการณ์ทีมสร้างที่ดินของ Metaverse Thailand  (มุมมองนักพัฒนา) ( ที่ดินเสมือนบน Metaverse Thailand ) Metaverse คืออะไร  จากรายงานของ Gartner คาดว่าอีก 4 ปีข้างหน้า 25% ของประชากรจะใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 1 ชั่วโมงในโลกของ Metaverse เพื่อทำงาน เพื่อช้อปปิ้ง การศึกษา เพื่อเข้าสังคมออนไลน์ บันเทิง ฯลฯ ความหมายที่มีความเข้าใจในปัจจุบัน ตีความ Metaverse ว่าเป็นโลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นและมีความเชื่อมโยงระหว่างโลกของความเป็นจริงกับโลกเสมือนที่สร้างขึ้นมา โดยที่ไม่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ประเภทเดียวและไม่ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการรายเดียวเหมือนปัจจุบัน ด้วยความหมายเบื้องต้นนี้ ตรงกับแนวคิดของเทคโนโลยี Web 3 คำว่าเชื่อมโยงระหว่างโลกเสมือนและโลกจริง ในความหมายที่จับต้องได้ง่ายที่สุด ณ เวลานี้ ที่หลาย ๆ ธุรกิจได้ทำ เช่น สินค้าที่อยู่บนโลกเสมือนสามารถแปลงเป็นสินค้าในโลกของความเป็นจริง บริการที่ซื้อบนโลกเสมือนก็สามารถแปลงเป็นบริการที่สามารถที่ใช้งานได้โลกจริงเช่นกัน เช่น ผมอาจเข้าไปในร้าน Samsung  บน Metaverse และซื้อโทรศัพท์รุ่นล่าสุดแน่นอนว่าตัว Avartar ของผมอาจจะถือโทรศัพท์นั้นอยู่ และในสิทธิ์นั้นผมสามารถไปร้าน Samsung  ที่ Central World และแลกโทรศัพท์มาใช้งานจริงได้เลย สิ่งนี้เป็น Use Case ที่เราเห็นอยู่มากมาย  อีกคำหนึ่งที่มีความหมายใกล้เคียงกับ Metaverse คือ Digital Twin หรือคู่เสมือนดิจิทัล ซึ่งทั้งสองสิ่งเหมือนกันคือเกี่ยวกับโลกดิจิทัลแต่ Metaverse ให้คำจำกัดความของโลกเสมือนนี้อาจจะไม่ได้หมายความว่ามีสภาพเหมือนกับโลกปัจจุบันเลย ซึ่งจุดนี้ทำให้คำจำกัดความของ Metaverse แตกต่างออกจากคำจำกัดความของ Digital Twin แล้วทำไมธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่บนโลกความเป็นจริงจึงตื่นตัวกับการมีของ Metaverse  ในมุมมองผมตัวแล้ว ธุรกิจมีเป้าหมายในการสร้างผลกำไรไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ธุรกิจที่เข้ามาสู่ในโลกของ Metaverse อาจจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหยาบ ๆ คือ ผู้ที่เห็นโอกาสและสามารถแปลงสินค้าและบริการเป็นดิจิทัลและสร้างผลกำไรจากประชาชนในโลกเสมือน และอีกกลุ่มหนึ่ง คือ ผู้ที่ยังไม่เห็นโอกาสการแปลงสินค้าและบริการเข้าสู่โลกเสมือน แต่ขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรถไฟคันนี้ก่อน (FOMO Business) โดยกิจกรรมหรือรูปแบบธุรกิจที่เราเห็นในโลก Metaverse จากที่เราได้พบในเอกสาร และการบรรยาย ต่าง ๆ จะพบมีกิจกรรมที่เกิดขึ้น เช่น เราจะเห็นได้ว่ากิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบน Metaverse ยังอยู่ในสถานะ เหมือนกับรถฟอร์ดคันแรกที่ผลิตขึ้นในปี 1896 ที่ล้อรถยังเป็นยางจากรถจักรยาน รูปทรงคล้ายรถเทียมม้าและมีแค่ 2 เกียร์ แต่ผมก็เชื่อว่าการพัฒนาทั้งในมิติของโครงสร้างพื้นฐาน Metaverse และ กิจกรรมจะมีการพัฒนาที่เร็วมาก และอาจจะไม่ได้ใช้เวลาเป็นปี  แต่การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน  สิ่งที่น่าสนใจและอาจจะเปลี่ยนหลักคิดสำหรับการทำการทำธุรกิจในโลกของ Metaverse และจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ ความไร้ตัวตน หรือ การไม่สามารถระบุตัวตน เพราะคำว่า User Segmetation อาจจะใช้ไม่ได้ต่อไปในโลก Metaverse เพราะเรายอมรับความเป็น Avatar  ความคาดหวัง ณ เวลานี้ เราคาดว่า Metaverse จะทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่กว้างขึ้นจากการแลกเปลี่ยน การเข้าถึงข้อมูล การร่วมใช้ข้อมูล จากฐานข้อมูลประเภทไร้ศูนย์กลาง  นอกจากนี้ Gartner แสดงให้เราเห็นองค์ประกอบของ Metaverse ที่เข้าใจง่ายตามภาพ  Virtual Land วันนี้ Metaverse และการซื้อขายที่ดินใน Metaverse เหมือนจะเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจว่าจะต้องซื้อที่ดินเพื่อเข้าไปในโลกของ Metaverse แต่ในความเป็นจริงแล้วที่ดินเป็นเพียงประเภทหนึ่งของ กิจกรรมที่เกิดขึ้นบนโลก Metaverse เท่านั้น ที่ดินใน Metaverse คืออะไร? เนื่องจาก Metaverse เป็นโลกเสมือน ดังนั้นการมีที่ดินทำให้มีความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้คนเข้าใจได้ว่าจะต้องซื้อที่ดินเพื่อเป็นเจ้าของในโลกเสมือนนั้น หลักคิดนี้ เป็นหลักจิตวิทยาที่อ้างอิงโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน   แล้วเราจำเป็นต้องซื้อที่ดิน หรือเป็นเจ้าของที่ดิน เพื่อเข้าสู่โลก Metaverse หรือไม่ คำตอบนี้เป็นได้ทั้งใช่และไม่ แต่สำหรับ Metaverse Thailand แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นเจ้าของที่ดินเพื่อเข้าสู่ Metaverse Thailand  แล้วที่ดินคืออะไรในเชิงเทคนิค ที่ดินคือ ข้อมูลดิจิทัลชุดนึง  ที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT เช่นเดียวกับ Digital Art สำหรับ Metaverse Thailand แล้ว ที่ดิน เป็นข้อมูลดิจิทัล ที่ประกอบไปด้วย ชุดของข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์ จำนวน  6  ชุด และแสดงผลออกมาในรูปหกเหลี่ยม ที่เรียกว่า Hex และแต่ละ Hex นับเป็น ที่ดิน  1  แปลง และที่ดินแต่ละแปลงออก NFT สามารถซื้อขาย แลกเปลี่ยน และส่งต่อได้  สิ่งที่ทำให้การสร้างที่ดินใน Metaverse Thailand นั้นแตกต่างที่อื่น Metaverse Thailand เป็น Verse เดียวที่สร้างที่ดินเพื่อการซื้อขายโดยอ้างอิงแปลงที่ดินเหล่านั้นบนโลกจริง ขณะที่ Verse อื่น เป็นแปลงที่ดินแบบเกม เราใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเป็นพื้นฐานของการสร้างที่ดิน การนำเสนอบนแผนที่ ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้เรามีความแตกต่างจาก Verse อื่นอย่างมาก คนสามารถเข้าใจตีความความเป็นเจ้าของ ของที่ดินที่อ้างอิงได้กับโลกจริงได้มากกว่า เช่น เราเป็นเจ้าของที่ดินในโลกเสมือนบริเวณปากซอยทองหล่อ เป็นต้น (ผมมองว่าเป็นหลักเชิงจิตวิทยากับการตลาด ก็ยอมรับว่าผู้คิดก็เฉียบคมมาก) เราใช้พื้นที่บริเวณถนนเอกมัยถึงถนนทองหล่อ ในการสร้างที่ดินเสมือนออกมาจำนวน  89,000 แปลง โดยแต่ละแปลงขนาด 40 ตารางเมตร และแปลงเป็นรูปหกเหลี่ยม ในวันแรกของการซื้อขายกำหนดราคาขายที่แปลงละ 3 BUSD (~3 USD) หรือ 300 MVP และสามารถขายหมดได้ภายในเวลา 15 ชั่วโมง  ปัจจุบัน Use Case ที่เกิดขึ้นบนแปลงที่ดินยังคงไม่ถึงภาพในฝันเหมือนในหนัง Ready Player One ซึ่งมองว่าคงอีกไม่นาน และหน่วยคงไม่เป็น 10 ปี แล้วเราก็มั่นใจว่าทิศทางของเทคโนโลยี ในมุ่งเป้าไปทางนี้แล้ว วันพรุ่งนี้ Metaverse จะเป็นอย่างไร เราอาจไม่สามารถตอบหรือเห็นภาพที่ชัดเจนได้  สำหรับผมในฐานนะของนักภูมิศาสตร์ เรามีความสนุกกับโจทย์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นบนโลกเสมือนที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกจริงได้ บทความโดย นายประสงค์ ปทีปเพิ่มพงศ์ ตรวจทานและปรับปรุงโดย นววิทย์ พงศ์อนันต์
11 March 2022
PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings