Digital Transformation ของบริการสุขภาพ

Digital Transformation ของบริการสุขภาพ

19 May 2021

เทคโนโลยีกับระบบอุตสาหกรรมสุขภาพ

            ในยุคที่ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลถูกนำมาปรับใช้และพัฒนาทำให้เกิด Digital Transformation ในองค์กรหรือธุรกิจมากมาย สิ่งหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ เทคโนโลยีก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ  และช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนเป็นอย่างมาก ทุกวันนี้เราสามารถเข้าถึงข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว การพูดคุยติดต่อกับคนอื่นจากทั่วทุกมุมโลกสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา การทำธุรกรรมทางการเงิน การจับจ่ายใช้สอย หรือแม้แต่การสั่งอาหารสามารถทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้วโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง (ไม่แม้แต่จะต้องเสียเวลาพูด) ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Digital Transformation ไม่เพียงแต่จะช่วยอำนวยความสะดวก แต่เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วยังช่วยให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาได้ด้วย

            นอกจากในธุรกิจต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งสาขาวิชาที่ได้เริ่มมีการนำเอาเทคโนโลยีผนวกเข้ากับความรู้ทางด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นั่นคือ อุตสาหกรรมการบริการด้านสุขภาพหรือ Healthcare ซึ่งนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการทางด้านสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเข้ารับบริการ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพของของตนเองให้แก่ประชาชน และส่งเสริมให้การพัฒนาระบบอุตสาหกรรมสุขภาพในอนาคตเป็นไปได้อย่างราบรื่นและเป็นระบบ

Staffs providing healthcare for patient
ภาพการให้บริการของอุตสาหกรรมการบริการด้านสุขภาพ (คลีนิค/โรงพยาบาล) แก่ผู้ป่วย แหล่งที่มาจาก INSYNC

ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติในสหราชอาณาจักร

            ตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในระบบอุตสาหกรรมสุขภาพ ได้แก่ การพัฒนาระบบบริการสุขภาพแห่งชาติในสหราชอาณาจักร (National Health Service : NHS) จากการเล็งเห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ได้เข้ามาก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระบบอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงการที่ประชาชนเปิดรับการใช้งานระบบดิจิทัลมากขึ้น ทำให้คณะกรรมการข้อมูลแห่งชาติ (National Information Board : NIB) มีเป้าหมายที่จะนำเทคโนโลยีร่วมกับการใช้ประโยชน์จากข้อมูลมาพัฒนาแนวทางการให้บริการของระบบบริการสุขภาพ โดยมุ่งหวังที่จะ 
            (1)  สามารถให้บริการสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล (Personalization Care)
            (2)  เปลี่ยนแปลงระบบการให้บริการและการเข้าถึงบริการในสถานบริการสุขภาพทั่วประเทศ
            (3)  สร้างความก้าวหน้าให้การทำงานของบุคลากรเกิดประสิทธิผลมากขึ้น

เมื่อเทคโนโลยีถูกนำมาปรับใช้

           การจัดตั้งระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ของ NHS ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการสุขภาพ โดยได้มีการนำเทคโนโลยีระบบคลาวด์คอมพิวติง (Cloud Computing) ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจในปัจจุบันสำหรับให้บริการจัดเก็บ จัดการ และประมวลผลข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาปรับใช้ในการจัดเก็บข้อมูลสุขภาพของประชาชน โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสำคัญ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของระบบการจัดเก็บข้อมูลจากแบบเดิมที่จัดเก็บอยู่ในระบบของสถานบริการทางการแพทย์ (เช่นเครื่องเซิร์ฟเวอร์ภายในโรงพยาบาล คลินิก) มาอยู่บนระบบคลาวด์กลาง นอกจากจะช่วยให้การเก็บข้อมูลมีความปลอดภัยแล้ว ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบขององค์กร รวมถึงมีฟังก์ชันให้สามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดของระบบเพื่อรองรับการใช้งานและเทคโนโลยีที่หลากหลายในอนาคต และช่วยให้การประมวลผลข้อมูลสุขภาพเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

            เนื่องด้วยการขับเคลื่อนระบบบริการสุขภาพภายในประเทศมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อมูลส่วนตัวของประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน การดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าว ทั้งในส่วนของข้อมูลสุขภาพ หรือแม้แต่ข้อมูลที่เกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์ของสถานบริการสุขภาพ ถือเป็นปัจจัยหลักที่ต้องตระหนักในการพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูล ด้วยเหตุนี้ทาง NHS จึงได้มีการกำหนดแนวทางการจัดเก็บ แลกเปลี่ยน และประมวลผลข้อมูล หรือเรียกง่าย ๆ ว่าแนวทางในการธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) ที่แต่ละสถานบริการสุขภาพควรปฏิบัติตาม อีกทั้งยังมีการตรวจสอบปัจจัยด้านต่าง ๆ ของสถานบริการสุขภาพให้พร้อมก่อนจะอนุญาตให้สามารถนำข้อมูลสุขภาพขึ้นไปบนคลาวด์เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากการรั่วไหลหรือการนำข้อมูลไปประมวลผลอย่างผิดวิธี ในขณะเดียวกันการเลือกผู้ให้บริการระบบคลาวด์คอมพิวติ้งที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้การควบคุมดูแลระบบมีเสถียรภาพและคงความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น

Cloud Computing platforms
ผู้ให้บริการระบบ Cloud Computing Platform ที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือในปัจจุบัน
แหล่งที่มาจาก DAILY HOST NEWS
  • Microsoft Azure ระบบคลาวด์คอมพิวติงที่ให้บริการโดยบริษัทMicrosoftได้มีการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนบุคคลของข้อมูลบนคลาวด์ตามมาตรฐาน ISO 27001, ISO/IEC 27018 และ Microsoft’s Security Development Lifecycle
  • การย้ายบริการ e-Referral Service (e-RS) และ 111 Directory of Services (DoS) ขึ้นไปให้บริการอยู่บน AWS Cloud Computing Services ซึ่งให้บริการโดย Amazon เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการให้บริการ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบให้มากขึ้น
  • Google Cloud Platform ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่น่าสนใจ และมีจุดเด่นที่สามารถเชื่อมต่อกับ Network ของ Google ได้

            จากการก่อตั้ง และพัฒนา NHS ในสหราชอาณาจักร ส่งผลให้สถานบริการสุขภาพ องค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมายสามารถแลกเปลี่ยนและเข้าถึงข้อมูลสุขภาพจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง เพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบการสื่อสารทั้งภายในและระหว่างองค์กร สร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน และช่วยให้การให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนมีศักยภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลสุขภาพที่สามารถแสดงผลได้เรียลไทม์ ถูกต้อง และเพียงพอต่อความต้องการของบุคลากร เหนือกว่านั้นคือข้อมูลสุขภาพเหล่านี้สามารถถูกนำไปใช้ในการประมวลผลและวิเคราะห์เชิงปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) และ/หรือร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่อื่น ๆ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่วิทยาการทางการแพทย์

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
(Cambridge University Hospitals)

            เป็นโรงพยาบาลที่เป็นผู้นำในการริเริ่มใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Medical Record: EMR) ที่ทำให้กระบวนการทำงานภายในโรงพยาบาลใช้เวลาน้อยลงและลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของประชาชนได้อย่างมหาศาล เช่น แพทย์และพยาบาลสามารถเรียกดูประวัติการรักษาของผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงทีเป็นผลให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น การเตรียมเอกสารสรุปเวชระเบียนผู้ป่วยใช้เวลาน้อยลงกว่าครึ่ง การแสดงบันทึกการรักษาหรือไฟล์เอกซเรย์ของผู้ป่วยแบบจำลองที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่แพทย์ได้มาก จนทำให้แผนกศัลยกรรมกระดูกของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ปิดเคสการรักษาผู้ป่วยไปกว่า 4,500 เคสในเวลาอันรวดเร็ว หรือแม้แต่ระบบแจ้งเตือนการแพ้ยาที่ช่วยลดอัตราการเกิดอาการแพ้ ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เกิดอาการแพ้ลดลงถึงประมาณปีละ 2,500 เตียง ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายกว่า 41 ล้านบาท

inside the Cambridge University Hospitals
ภาพบรรยากาศภายในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
(Cambridge University Hospitals) แหล่งที่มาจาก CUH

            เทคโนโลยีใหม่ที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้ในการเปลี่ยนแปลงและยกระดับระบบการบริการสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจคือแอพพลิเคชั่น HealthVault Insights ที่ทาง Microsoft เป็นผู้สร้างขึ้น โดยตัวแอปพลิเคชันนี้มีจุดเด่นคือ สามารถนำเอาเทคโนโลยี Machine Learning มาผนวกกับข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การนอนหลับพักผ่อน การออกกำลังกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งถูกบันทึกจากอุปกรณ์ที่ผู้ป่วยสวมใส่หรือ Smart Watch เป็นต้น เพื่อใช้ในการเรียนรู้และวิเคราะห์แนวโน้มสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์วางแผนการดูแลรักษาเพื่อรองรับผู้ป่วยได้อย่างตรงจุด และในสถานบริการสุขภาพหลายแห่งยังได้เริ่มมีการนำเทคโนโลยี AI เข้ามามีส่วนช่วยในการวิเคราะห์อาการและรักษาผู้ป่วยด้วยเช่นกัน 

COVID-19 และการจัดการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

            นอกจากนี้ สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่กำลังเป็นความท้าทายของระบบสาธารณสุขและระบบบริการสุขภาพของหลายประเทศทั่วโลก แม้ในปัจจุบันจะมีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคออกมาได้สำเร็จซึ่งสร้างความหวังให้แก่ผู้คนมากมายว่าจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อก็ยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้น แนวทางการบริหารและจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคอย่างปลอดภัย เป็นระบบ และทั่วถึง จึงมีความสำคัญอย่างมากในการบรรเทาสถานการณ์การระบาดและสร้างภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้แก่ประชาชน สำหรับระบบบริการสุขภาพทั้งในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และในอีกหลาย ๆ ประเทศจึงมีเป้าหมายหลักคือการกระจายวัคซีนแก่ประชาชนให้ได้มากและรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเริ่มจากกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ด้วยเหตุนี้เองเทคโนโลยีจึงเข้ามามีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกระบวนการแจกจ่ายวัคซีนให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนได้สะดวกขึ้น การใช้ประโยชน์จากข้อมูลสุขภาพที่มีอยู่ในฐานระบบยังช่วยให้ ทราบถึงความเสี่ยงต่อการได้รับวัคซีนของแต่ละบุคคล สามารถคำนวณระยะเวลาที่จะต้องได้รับการฉีดซ้ำ รวมไปถึงสามารถประเมินคุณภาพของวัคซีนหลังฉีดได้ด้วยเช่นกัน 

            ในขณะเดียวกัน บทบาทของเทคโนโลยียังเข้าไปมีส่วนร่วมถึงขั้นตอนของการขนส่งวัคซีนจากจุดหลักไปยังโรงพยาบาลและคลินิกต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนทั่วประเทศ โดยมีบริษัทขนส่งเจ้าใหญ่อย่าง FedEx ได้ร่วมมือกับ Microsoft ในการจัดทำ FedEx Surround ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้จัดการและติดตามข้อมูลการขนส่งวัคซีนแบบเรียลไทม์

             อุปสรรคอย่างหนึ่งที่ระบบบริการสุขภาพของหลายประเทศต้องเผชิญในการแจกจ่ายวัคซีนเพื่อบรรเทาสถานการณ์การระบาดของไวรัส คือ ประชาชนบางกลุ่มยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีน COVID-19 ส่งผลให้ประชาชนเหล่านั้นไม่ทราบถึงผลลัพธ์และผลข้างเคียงที่แน่ชัดของการฉีดวัคซีน เกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย และไม่ต้องการได้รับวัคซีน การใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนทราบถึงข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโดยละเอียดรวมถึงสถานะของการแจกจ่ายวัคซีนในแต่ละพื้นที่จึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ประชาชนกล้าที่จะออกมารับวัคซีนกันมากขึ้น บางหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายในกระจายวัคซีนแก่ประชาชนมีการจัดทำ Dashboard ผ่านโปรแกรมจำพวก Business Intelligence เพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ โดยจะแสดงให้เห็นข้อมูลปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรรในพื้นที่นั้น ๆ จำนวนประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วในแต่ละช่วงเวลา อัตราส่วนการได้รับวัคซีนเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้ และข้อมูลสถิติด้านอื่น ๆ

An interactive dashboard displaying information about the COVID-19 vaccines distribution over Minnesota, USA in many aspects
กระดานนำเสนอข้อมูลแบบตอบโต้ได้ (Interactive Dashboard) ที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการกระจายวัคซีน COVID-19 ในมิติต่าง ๆ ในรัฐ Minnesota ประเทศสหรัฐอเมริกา แหล่งที่มาจาก Minnesota.gov

            นอกเหนือจากที่กล่าวมา แชตบอตเป็นอีกหนึ่งผลงานทางด้าน Digital Transformation ที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์การให้ความรู้เกี่ยวกับไวรัส COVID-19 แก่ประชาชนในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี AI และ NLP (Natural Language Processing) มาพัฒนาโปรแกรมให้สามารถจับใจความในสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการทราบและตอบโต้กลับไปได้อย่างถูกต้องตรงประเด็นผ่านการส่งข้อความถาม-ตอบ ตัวอย่างของแชทบอทที่มีให้บริการ เช่น Azure Health Bot ที่รองรับฟังก์ชันการสอบถามอาการเบื้องต้นหากสงสัยว่าตนเองอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การทำแบบสอบถามเพื่อคัดกรองผู้ป่วยว่าเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงระดับใด การตรวจสอบสิทธิ์การได้รับการฉีดวัคซีนฟรี และหัวข้ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

            เนื่องจากวัคซีน COVID-19 นั้นสามารถผลิตออกมาได้ในปริมาณที่จำกัดและยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนทั้งหมดในขณะนี้ จึงจำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญของการกระจายและการฉีดวัคซีนอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดศักยภาพโดยรวมสูงสุด โมเดลหลายรูปแบบถูกนำเสนอเพื่อใช้สำหรับการจัดสรรปริมาณการแจกจ่ายวัคซีน เช่น Fair Priority Model นอกจากนี้ยังมีตัวแปรอื่นอีกหลายด้านที่ส่งผลต่อกระบวนการกระจายวัคซีน เช่น ปริมาณวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรและปริมาณวัคซีนที่รองรับได้ในแต่ละสถานพยาบาล จำนวนบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจมากพอที่จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ การเข้าถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ ขนาดของสถานพยาบาลและจำนวนผู้ป่วยสูงสุดที่รองรับได้ในสถานพยาบาลนั้น การรวบรวมข้อมูลในแต่ละมิติดังกล่าวของสถานพยาบาลทั่วประเทศร่วมกับการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยจะทำให้การจัดสรรวัคซีนมีความทั่วถึงและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด            

            จะเห็นได้จากกรณีตัวอย่างของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในสหราชอาณาจักรว่า การใช้ประโยชน์จากวิวัฒนาการที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีไม่เพียงแต่ละเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่การใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังช่วยประหยัดทั้งเวลา ค่าใช้จ่าย และเพิ่มความปลอดภัยของสุขภาพที่มากขึ้นให้แก่เราอีกด้วย

การพัฒนาระบบบริการสุขภาพในประเทศไทย

            เมื่อมองกลับมายังประเทศไทย ที่ผ่านมาองค์กรที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีความพยายามในการที่จะผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีเข้ามาผนวกกับการพัฒนาระบบการบริการสุขภาพอยู่พอสมควร จะเห็นได้จากการพัฒนาแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันของแต่ละโรงพยาบาลเพื่อรองรับและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยที่มาเข้ารับการรักษา หรือแม้แต่การพยายามสร้างระบบเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Health Information Exchange (HIE) ซึ่งถือเป็นความท้าทายของการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างหลายสถานพยาบาลทั่วประเทศนั้นทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากระบบฐานข้อมูลโรงพยาบาล (Hospital Information System: HIS) และมาตรฐานข้อมูลที่ใช้นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการสร้างความเข้าใจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพร่วมกันระหว่างหลายหน่วยงาน รวมถึงกำหนดมาตรฐานกลาง (Data Standard) ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องการความร่วมมือจากหลายฝ่ายเพื่อให้เกิดขึ้น         

Health Link logo

ปัจจุบัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขในการผลักดันให้เกิดระบบ HIE ในระดับประเทศของประเทศไทย โดยพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า Health Link ขึ้นมา มีการกำหนดมาตรฐานกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพพื้นฐานร่วมกับโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ และสนับสนุนโรงพยาบาลในด้านเครื่องมือและกระบวนการที่จำเป็นที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกิดขึ้นได้จริง

            อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์ม Health Link ในขณะนี้จะเป็นเพียงระบบที่ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลในโครงการเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้นจึงยังไม่ได้มีการนำข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยเข้าไปสู่ขั้นตอนของการเรียนรู้และวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักรตามที่กล่าวมา เนื่องจากในเบื้องต้นทางผู้พัฒนามีความต้องการที่จะมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อประโยชน์ในการให้การรักษาพยาบาลของแพทย์อย่างสำเร็จลุล่วงเสียก่อน โดยการดำเนินงานในแต่ละขั้นตอนนั้นเป็นไปอย่างรอบคอบ และปลอดภัยเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลน้อยที่สุด แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจจะได้เห็นพัฒนาการของการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในการช่วยวิเคราะห์และรักษาผู้ป่วยในบ้านเรา รวมถึงพัฒนาการทำงานของระบบบริการสุขภาพของประเทศอันจะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและการบริการด้านสุขภาพมีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่าที่สหราชอาณาจักร

แบ่งปันบทความ

กลุ่มเนื้อหา

แท็กยอดนิยม

แจ้งเรื่องที่อยากอ่าน

คุณสามารถแจ้งเรื่องที่อยากอ่านให้เราทราบได้ !
และเราจะนำไปพัฒนาบทความให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.