Mixture-of-Experts (MoE): ขยายพลัง LLM แบบฉลาดและคุ้มค่า  

Mixture-of-Experts (MoE): ขยายพลัง LLM แบบฉลาดและคุ้มค่า  

22 October 2025

ตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมา โลกของปัญญาประดิษฐ์ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านของโมเดลภาษา (Large Language Models – LLMs) ที่มีทั้งขนาดของโมเดลและปริมาณข้อมูลในการฝึกสอนเพิ่มขึ้นอย่างมาก การเติบโตนี้ทำให้โมเดลมีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนด้านการประมวลผลที่สูงขึ้นตามไปด้วย 

หนึ่งในแนวทางที่ช่วยให้โมเดลมีความสามารถสูงขึ้นโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพคือแนวคิด Mixture-of-Experts (MoE) ซึ่งเป็นวิธีการแบ่งโมเดลออกเป็นกลุ่มของ “ผู้เชี่ยวชาญ” (experts) หลายตัว และมี “ตัวเลือก” (router) คอยตัดสินใจว่าในแต่ละรอบการประมวลผลจะใช้ผู้เชี่ยวชาญตัวใดบ้าง วิธีนี้ช่วยให้ระบบทำงานได้รวดเร็วขึ้น ใช้พลังคำนวณอย่างคุ้มค่า และยังคงให้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูง 

MixtureofExperts คืออะไร? 

Mixture-of-Experts (MoE) คือสถาปัตยกรรมของระบบประสาทเทียมที่ประกอบด้วย “ผู้เชี่ยวชาญ” (experts) หลายตัว ซึ่งแต่ละตัวมักเป็นเครือข่ายประสาทแบบฟีดฟอร์เวิร์ด (Feed-Forward Neural Network: FFNN) ที่มีความถนัดแตกต่างกัน แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า “เราไม่จำเป็นต้องใช้โมเดลขนาดใหญ่ทั้งหมดทุกครั้งในการประมวลผลข้อมูล” แต่สามารถเลือกใช้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญบางส่วนที่เหมาะสมกับข้อมูลนั้นแทนได้ 

สถาปัตยกรรม MoE มีองค์ประกอบหลักอยู่สองส่วน ได้แก่ 

  1. ผู้เชี่ยวชาญ (Experts) – โมเดลย่อยที่ทำหน้าที่เฉพาะด้าน เช่น การประมวลผลโทเคนบางประเภท หรือการเข้าใจบริบทบางรูปแบบ 
  1. เครือข่ายตัวเลือก (Router หรือ Gating Network) – ระบบที่คำนวณความน่าจะเป็นและเลือกผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมที่สุดกับข้อมูลแต่ละส่วน 

ด้วยการเลือกใช้เฉพาะบางส่วนของโมเดลในแต่ละครั้ง ทำให้ MoE สามารถลดการใช้ทรัพยากรในการประมวลผลลงได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับโมเดลแบบหนาแน่น (Dense Models) ที่ต้องทำงานทุกส่วนพร้อมกัน ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญแต่ละตัวก็สามารถเรียนรู้รูปแบบเฉพาะของข้อมูลได้ลึกขึ้น ทำให้โมเดลโดยรวมมีความยืดหยุ่นและฉลาดมากขึ้น 

หลักการทำงานและวิวัฒนาการของ MoE 

แนวคิดของ Mixture-of-Experts (MoE) ทำงานโดย “กระจายงานให้ผู้เชี่ยวชาญเพียงบางส่วน” สำหรับการประมวลผลข้อมูลแต่ละครั้ง กล่าวคือ เครือข่ายตัวเลือก (router) จะประเมินคะแนนของผู้เชี่ยวชาญแต่ละตัวผ่านฟังก์ชัน softmax จากนั้นจะเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีคะแนนสูงสุดมาทำงานกับอินพุตนั้น วิธีนี้เรียกว่า “conditional computation” ซึ่งช่วยลดภาระในการประมวลผลลงได้มาก เพราะโมเดลไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานพารามิเตอร์ทั้งหมดเหมือนในโมเดลแบบหนาแน่น (dense models) 

แนวคิดของ MoE ปรากฏครั้งแรกตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1990 ในนิพนธ์ชื่อ Adaptive Mixtures of Local Experts และกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งเมื่อ Noam Shazeer และคณะ เสนอแนวคิด Sparsely-Gated MoE ในปี 2017 สำหรับงานจำลองภาษาแบบลำดับ (sequence modeling) โมเดลนี้ใช้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากในชั้นฟีดฟอร์เวิร์ด (feed-forward layer) แต่เลือกใช้งานเพียงบางส่วนในแต่ละครั้ง ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนพารามิเตอร์โดยรวมได้หลายเท่า โดยไม่ต้องเพิ่มภาระการคำนวณตามไปด้วย 

จากภาพ แสดงโครงสร้างพื้นฐานของ MoE – Router เลือกผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมจากหลายโมดูลเพื่อประมวลผลอินพุตอย่างมีประสิทธิภาพ โดย 

  • กำหนดให้ x เป็นเวกเตอร์อินพุต และมีผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด ตัว 
    ค่าคะแนนการจัดเส้นทาง (gating score) ถูกคำนวณด้วยสมการ 
    p(x) = softmax(W_g x + b) 
  • ในกรณี Top-K, จะเลือกเซต T(x)  {1..E} ที่มีค่าคะแนนสูงสุด ตัว 
    เอาต์พุตของชั้น MoE คำนวณได้จาก 
    y = Σ_{iT(x)} p_i(x) · E_i(x) 
  • เพื่อป้องกันปัญหาการกระจายงานไม่สมดุลระหว่างผู้เชี่ยวชาญ (load imbalance) 
    จะเพิ่ม loss เสริมแบบ load-balancing โดยมีสมการ 
    L_balance = α · E · Σ_{i=1}^E f_i · P_i 
    โดยที่ f_i คือสัดส่วนของโทเคนที่ถูกส่งไปยังผู้เชี่ยวชาญลำดับที่ i 
    และ P_i คือค่าเฉลี่ยของความน่าจะเป็นจาก router สำหรับผู้เชี่ยวชาญ i 

ข้อดีและความท้าทายของ MoE 

การออกแบบของ Mixture-of-Experts (MoE) ที่เปิดใช้งานเฉพาะส่วนของพารามิเตอร์ในแต่ละครั้ง ช่วยให้โมเดลมีจุดเด่นหลายประการ ได้แก่ 

  • ประสิทธิภาพในการคำนวณสูง – โมเดลจะเลือกใช้เพียงผู้เชี่ยวชาญบางส่วนต่อหนึ่งอินพุต ทำให้ลดการใช้พลังงานและหน่วยความจำได้มากเมื่อเทียบกับโมเดลแบบหนาแน่น 
  • การกระจายการทำงานได้ดี – ผู้เชี่ยวชาญแต่ละตัวสามารถกระจายอยู่บนหลายอุปกรณ์หรือหลายเครื่องได้ ทำให้การฝึกสอนและการรันโมเดลขนาดใหญ่บนคลัสเตอร์เป็นไปได้จริง 
  • เกิดความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน – ผู้เชี่ยวชาญแต่ละตัวสามารถเรียนรู้รูปแบบข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้โมเดลสามารถจัดการกับงานที่หลากหลายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 
  • ขยายขนาดได้อย่างยืดหยุ่น – สามารถเพิ่มจำนวนผู้เชี่ยวชาญเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของโมเดล โดยไม่ต้องเพิ่มภาระการคำนวณในสัดส่วนเดียวกัน 

ความท้าทายของ MoE 

แม้ MoE จะมีศักยภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดและความท้าทายที่ต้องพิจารณา ได้แก่ 

  • ความซับซ้อนในการฝึกสอน (Training Complexity) – การเลือกผู้เชี่ยวชาญและการคำนวณคะแนนจาก router ต้องมีการออกแบบที่แม่นยำ มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาผู้เชี่ยวชาญบางตัวไม่ได้รับการฝึกเพียงพอ (undertrained experts) 
  • ปัญหาการกระจายโหลดไม่สมดุล (Load Imbalance) – หาก router เลือกผู้เชี่ยวชาญบางตัวบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดการใช้งานทรัพยากรไม่เท่ากัน ซึ่งต้องแก้ไขด้วยเทคนิคเช่น load-balancing loss 
  • การสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ (Communication Overhead) – เมื่อผู้เชี่ยวชาญถูกกระจายอยู่บนหลายเครื่อง การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์อาจกลายเป็นคอขวด (bottleneck) ที่ลดประสิทธิภาพโดยรวม 
  • ความยากในการนำไปใช้จริง (Deployment Difficulty) – การนำ MoE ไปใช้งานในระบบจริง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัดด้านหน่วยความจำหรือการเชื่อมต่อ จำเป็นต้องออกแบบระบบให้รองรับการเลือกผู้เชี่ยวชาญแบบไดนามิก 

โมเดลรุ่นใหม่ที่ใช้หลักการ MoE 

แนวคิด Mixture-of-Experts (MoE) ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มโมเดลภาษารุ่นใหม่ของปี 2025 ซึ่งหลายค่ายนำสถาปัตยกรรมนี้มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการประมวลผล โดยมีตัวอย่างที่น่าสนใจดังนี้ 

  • Llama 4 (Meta) – เปิดตัวในเดือนเมษายน 2025 และให้บริการผ่านแพลตฟอร์มคลาวด์หลายแห่ง โมเดลรุ่นนี้ระบุชัดเจนว่าใช้สถาปัตยกรรมแบบ Mixture-of-Experts และรองรับการทำงานแบบมัลติโหมด (multimodal) ทั้งข้อความและภาพ ถือเป็นหนึ่งในโมเดลเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ใช้แนวคิด MoE อย่างเป็นทางการ 
  • Qwen3 (Alibaba) – นำเสนอทั้งรุ่น Dense และ MoE โดยรุ่น Qwen3-MoE สามารถให้สมรรถนะใกล้เคียงกับรุ่น Dense เดิม แต่ใช้พารามิเตอร์ที่ทำงานจริงต่อโทเคนเพียงประมาณ 10% ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งในขั้นตอนการฝึก (training) และการใช้งานจริง (inference) ได้อย่างมาก 
  • OpenAI gpt-oss – กลุ่มโมเดลแบบ open-weight ที่ใช้หลักการ MoE เช่น 
  • gpt-oss-120B (เปิดใช้งานประมาณ 5.1B พารามิเตอร์ต่อโทเคน
  • gpt-oss-20B (เปิดใช้งานประมาณ 3.6B พารามิเตอร์ต่อโทเคน
    โมเดลเหล่านี้แสดงให้เห็นความแตกต่างเชิงปริมาณระหว่าง “จำนวนพารามิเตอร์ทั้งหมด” กับ “พารามิเตอร์ที่ทำงานจริง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสถาปัตยกรรม MoE 

ตารางสรุปโมเดลที่ใช้ MoE 

สรุป 

Mixture-of-Experts (MoE) เป็นสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้โมเดลภาษาขนาดใหญ่สามารถขยายขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งโมเดลออกเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” หลายตัว และใช้ “ตัวเลือก” (router) ในการกำหนดเส้นทางของข้อมูลไปยังผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสม แนวทางนี้ช่วยลดภาระการคำนวณ ใช้พลังงานและหน่วยความจำน้อยลง แต่ยังคงเพิ่มขีดความสามารถของโมเดลได้อย่างต่อเนื่อง 

แนวคิด MoE ซึ่งเริ่มต้นจากงานวิจัยในช่วงทศวรรษ 1990 ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญในโมเดลรุ่นใหม่ของยุคปัจจุบัน เช่น Llama 4, Qwen3, และ GPT-OSS ที่ต่างนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเปิดโอกาสให้ชุมชนผู้พัฒนาสามารถต่อยอดได้อย่างอิสระ 

สำหรับประเทศไทย การมีโมเดล โอเพนซอร์สที่ใช้สถาปัตยกรรม MoE จะช่วยให้นักวิจัยและนักพัฒนาสามารถทดลอง สร้างสรรค์ และต่อยอดบริการอัจฉริยะได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มปิดจากต่างประเทศ ความเข้าใจเกี่ยวกับ MoE จึงเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวสู่ยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์ ที่เน้นทั้ง ประสิทธิภาพ การเปิดกว้าง และความยั่งยืนของนวัตกรรม 

เอกสารอ้างอิง : 

[1] Shazeer et al., 2017, ‘Outrageously Large Neural Networks: The Sparsely-Gated Mixture-of-Experts Layer' (arXiv:1701.06538) https://arxiv.org/abs/1701.06538 

[2] Lepikhin et al., 2020, ‘GShard' (arXiv:2006.16668) https://arxiv.org/abs/2006.16668 

[3] Fedus et al., 2021, ‘Switch Transformers' (arXiv:2101.03961) https://arxiv.org/abs/2101.03961 

[4] Meta Llama 4 บน Azure/Databricks https://azure.microsoft.com/en-us/blog/introducing-the-llama-4-herd-in-azure-ai-foundry-and-azure-databricks/ 

[5] Cloudflare: ‘Llama 4 is now available on Workers AI' https://blog.cloudflare.com/meta-llama-4-is-now-available-on-workers-ai/ 

[6] TechCrunch: ‘Meta releases Llama 4' https://techcrunch.com/2025/04/05/meta-releases-llama-4-a-new-crop-of-flagship-ai-models/ 

[7] Qwen3 GitHub https://github.com/QwenLM/Qwen3 

[8] Qwen3 Blog (Qwen) https://qwenlm.github.io/blog/qwen3/ 

[9] Alibaba Cloud: ‘Qwen3 … Hybrid Reasoning' https://www.alibabacloud.com/blog/alibaba-introduces-qwen3-setting-new-benchmark-in-open-source-ai-with-hybrid-reasoning_602192 

[10] OpenAI: ‘Introducing gpt‑oss' https://openai.com/index/introducing-gpt-oss/ 

[11] GitHub: openai/gpt‑oss https://github.com/openai/gpt-oss 
[12] Wikipedia. “Mixture of experts: Machine learning technique.” อธิบายว่า MoE ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายชุดและฟังก์ชันเกตสำหรับกำหนดน้ำหนัก. 
[13] Neptune.ai. “Mixture of Experts LLMs: Key Concepts Explained.” สรุปข้อดีของ MoE เช่น การใช้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนต่ออินพุต การแบ่งภาระ และประสิทธิภาพการฝึก. 
[14] Neptune.ai. “Mixture of Experts LLMs: Key Concepts Explained.” อธิบายว่าผู้เชี่ยวชาญถูกจัดเป็น sub-networks ที่เปิดใช้งานตามอินพุตและสามารถกระจายไปยังอุปกรณ์หลายตัวได้. 
[15] Du et al. “GLaM: Efficient Scaling of Language Models with Mixture-of-Experts.” รายงานว่า GLaM มี 1.2 ล้านล้านพารามิเตอร์ ใช้สถาปัตยกรรม MoE และใช้พลังงานเพียงหนึ่งในสามของ GPT‑3. 
[16] Meta. “Llama 4: Leading intelligence.” หน้าเว็บทางการระบุว่า Llama 4 ใช้สถาปัตยกรรม multimodal และ mixture-of-experts พร้อม context window ขนาดใหญ่. 
[17] Meta. “Build with Llama 4.” หน้าเว็บแสดงคุณลักษณะของรุ่นย่อยเช่น Llama 4 Scout ที่รองรับ multimodal และ context window ยาว 10M tokens. 
[18] HuggingFace model card. “Qwen3-235B-A22B-Thinking-2507.” ระบุว่ามีพารามิเตอร์รวม 235B และเปิดใช้งาน 22B ต่อ token บ่งบอกการใช้ MoE. 
[19] GPT-Oss.ai. “GPT-Oss MoE Architecture.” อธิบายว่า GPT‑Oss ใช้ผู้เชี่ยวชาญ 128 ชุดและ Top‑4 routing มีพารามิเตอร์ sparse 11.6B ใช้งานจริง 510M. 

Konthee Boonmeeprakob

Share This News

Suggest Topics You'd Like to Read

Let us know what topics you’d like to read!
Your suggestions will help us create more engaging and relevant articles.

PDPA Icon

We use cookies to optimize your browsing experience and improve our website’s performance. Learn more at our Privacy Policy and adjust your cookie settings at Settings

Privacy Preferences

You can choose your cookie settings by turning on/off each type of cookie as needed, except for necessary cookies.

Accept all
Manage Consent Preferences
  • Strictly Necessary Cookies
    Always Active

    This type of cookie is essential for providing services on the website of the Personal Data Protection Committee Office, allowing you to access various parts of the site. It also helps remember information you have previously provided through the website. Disabling this type of cookie will result in your inability to use key services of the Personal Data Protection Committee Office that require cookies to function.
    Cookies Details

  • Performance Cookies

    This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

  • Functional Cookies

    This type of cookie enables the Big Data Institute (Public Organization)’s website to remember the choices you have made and deliver enhanced features and content tailored to your usage. For example, it can remember your username or changes you have made to font sizes or other customizable settings on the page. Disabling these cookies may result in the website not functioning properly.

  • Targeting Cookies

    "This type of cookie helps the Big Data Institute (Public Organization) understand user interactions with its website services, including which pages or areas of the site are most popular, as well as analyze other related data. The Big Data Institute (Public Organization) also uses this information to improve website performance and gain a better understanding of user behavior. Although the data collected by these cookies is non-identifiable and used solely for statistical analysis, disabling them will prevent the Big Data Institute (Public Organization) from knowing the number of website visitors and from evaluating the quality of its services.

Save settings