News
ข่าวประชาสัมพันธ์
BDI News
BDI MOU World Bank ขับเคลื่อนการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการคุ้มครองทางสังคม ยกระดับประเทศด้วย Data-Driven Nation
30 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมด้วย Mr. Alejandro Alcala-Gerez, Manager, Operations ธนาคารโลก (World Bank) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) กับธนาคารโลก (World Bank) โดยมีคณะผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 205 อาคารสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) ซอยลาดพร้าว 12 กรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 หน่วยงานได้ริเริ่มโครงการความร่วมมือ ว่าด้วยการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการคุ้มครองทางสังคม (Social Protection) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประสานความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ธรรมาภิบาลข้อมูล การบริหารจัดการแพลตฟอร์มข้อมูล การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความปลอดภัยทางข้อมูล โครงสร้างแพลตฟอร์มพื้นฐาน การพัฒนาเครื่องมือเพื่อใช้การรวบรวม การจัดการ และการกำกับดูแลข้อมูล ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการกำหนดนโยบาย และการดำเนินโครงการด้านการคุ้มครองทางสังคมของประเทศไทย ภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ จะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ Workshops ให้กับเจ้าหน้าที่ของ BDI โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเรียนรู้วิธีการสกัดข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูล (Data Insights) เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือหลากหลายสำหรับการสร้างภาพข้อมูล (Data Visualization Tools) อีกทั้งยังมีการนำเสนอการใช้ประโยชน์และจัดการข้อมูลจากหลาย ๆ ชาติอีกด้วย นำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศด้วย Data-Driven Nation ครอบคลุมทุกมิติอย่างแท้จริง
30 September 2025
BDI เดินหน้าพัฒนา “HealthLink” แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพระดับประเทศ เชื่อมโยงกว่า 8,000 หน่วยบริการ พร้อมดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง
25 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย นพ.ธนกฤต จินตวร First Executive Vice President ร่วมเสวนาหัวข้อ Towards Interoperable Digital Health: Sharing Data While Safeguarding Trust ภายในงานสัมมนา Healthcare Technology Summit 2025 ภายใต้แนวคิดUnlocking the Last Mile of Responsible Al for Healthcare จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) ณ ห้อง Mayfair Ballroom โรงแรมเดอะเบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ นพ.ธนกฤต กล่าวถึงความคืบหน้าของ โครงการ Health Linkว่า โครงการถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของระบบสาธารณสุขไทย การที่ข้อมูลผู้ป่วยไม่สามารถตามตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลปลายทางได้ทันเวลา ส่งผลให้การรักษาไม่ต่อเนื่องและการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แพลตฟอร์ม Health Link สามารถทำให้ข้อมูลสุขภาพเดินทางไปพร้อมกับคนไทยทุกที่ ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นการย้ายโรงพยาบาล การเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือแม้กระทั่งการรักษาในต่างประเทศ แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น ประวัติการแพ้ยา วัคซีน การวินิจฉัย ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ และภาพถ่ายทางการแพทย์ได้อย่างครบถ้วน ปัจจุบัน Health Link ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 8,000 หน่วยบริการสุขภาพ ตั้งเป้าจะขยายครบ 10,000 แห่งภายในปีนี้ ครอบคลุมโรงพยาบาลภายใต้สังกัด 5 กระทรวง คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนโรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพมหานคร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนผ่านภายใต้มาตรฐานสากล เพื่อให้ระบบ HIS กว่า 60 ระบบในประเทศสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ นี่ไม่ใช่แค่การสร้างระบบดิจิทัล แต่เป็นการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพดิจิทัล (Digital Health Sovereignty) ของประเทศ เราต้องการให้ข้อมูลสุขภาพสำคัญของคนไทย มีมาตรฐานกลางเดียวกัน และพร้อมต่อยอดสู่การใช้ Big Data และ AI เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของประชาชนในอนาคต นพ.ธนกฤต กล่าวปิดท้ายว่า แพลตฟอร์ม Health Link ยังช่วยอำนวยความสะดวกรองรับให้กับโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ดำเนินการได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสมัครการใช้งานระบบ Health Link ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เลือก “กระเป๋าสุขภาพ” ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองได้ทันที ลดความซ้ำซ้อน และเพิ่มความปลอดภัย สำหรับงานสัมมนา Healthcare Technology Summit (ครั้งที่ 12) จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีนำเสนอแนวทางและนวัตกรรมในการขับเคลื่อน Digital Health เพื่อการพัฒนาและยกระดับสาธารณสุขประเทศไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างมีคุณภาพทั่วถึง ทุกที่ และเท่าเทียม
25 September 2025
BDI แสดงศักยภาพโชว์ผลงานการประยุกต์ใช้ Big Data และ AI ในมหกรรมเทคโนโลยี September Series 2025
24 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย นพ.ธนกฤต จินตวร First Executive Vice President เข้าร่วมพิธีเปิด โครงการ September Series 2025 ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ โฮเต็ล ประตูน้ำ จัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NSO) และสมาคมผู้ใช้ดิจิทัลไทย (DUGA) เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานดังกล่าว นอกจากนี้ นายปฏิภาณ ประเสริฐสม ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล และผู้จัดการโครงการ ThaiLLM BDI ขึ้นเวที Big Data & Cloud Computing บรรยายหัวข้อ Data Strategy for AI & Cloud: Building a Future-Ready Foundation โดยย้ำว่า กลยุทธ์ข้อมูล (Data Strategy) เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการใช้ Cloud อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการจัดการคุณภาพข้อมูล การกำกับดูแล (Data Governance) และการใช้มาตรฐานสากลเพื่อให้ข้อมูลพร้อมนำไปใช้งานจริง นายปฏิภาณ กล่าวอีกว่า การออกแบบสถาปัตยกรรมข้อมูลทั้ง Data Lake, Data Warehouse และ Data Lakehouse จะช่วยให้องค์กรสามารถรองรับข้อมูลทั้งแบบมีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้าง เพื่อใช้ประโยชน์ในงาน AI ตั้งแต่ Machine Learning จนถึง Generative AI และระบบ LLM ที่กำลังเติบโต ทั้งนี้ ยังได้เน้นถึงการเลือกใช้ Cloud, On-Premise หรือ Hybrid ตามความเหมาะสม รวมถึงการทำ Governance ของข้อมูลที่นำมาใช้ฝึกฝนหรือใช้งานร่วมกับ AI เพื่อให้การใช้ข้อมูลและ AI มีความปลอดภัย เป็นกลาง และตอบโจทย์การใช้งานในอนาคต ภายในงานเจ้าหน้าที่ BDI ได้ร่วมจัดนิทรรศการแสดงศักยภาพแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration & Intelligence Platform (D2) เพื่อมุ่งมั่นในการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากหลากหลายภาคส่วน เสริมสร้างการวางแผนเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Data-Driven Nation อย่างแท้จริง สำหรับงานดังกล่าวจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 25 กันยายน ประกอบด้วย 4 เวทีเทคโนโลยีแห่งปี คือ 1. Healthcare Technology Summit (ครั้งที่12) 2. Digital HR Forum (ครั้งที่8) 3. Robotics Summit (ครั้งที่8) 4. Big Data & Cloud Computing (ครั้งที่7) ถือเป็นอีกเวทีที่สำคัญในการรวบรวมผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ฝ่ายบุคคล วงการสุขภาพ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่พร้อมยกระดับทักษะขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลในทุกมิติ
24 September 2025
BDI ร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนา DE ครบรอบ 9 ปี พร้อมร่วมโชว์แพลตฟอร์ม D2 ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Data-Driven Nation อย่างแท้จริง
19 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI นำโดย ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ พร้อมด้วย พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบูรณาการข้อมูล เข้าร่วมพิธีไหว้ศาลพระพรหม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ครบรอบ 9 ปี ภายใต้แนวคิด “9 Years of DE: Building the Digital Future” โดย ศ. พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง ณ บริเวณศาลพระพรหม อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารบี) หลังจากนั้นคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี เข้าร่วมพิธีสงฆ์ ณ บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (อาคารซี) เพื่อความเป็นสิริมงคล ในการดำเนินงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศครอบคลุมทุกมิติ โดย ดร.สุนทรีย์ รองผู้อำนวยการ BDI ร่วมเวที In Focus Stage เสวนาหัวข้อ Deep Dive: “The Data Playbook: How to Turn Public Data into Public Value” (เจาะลึก: คู่มือการใช้ข้อมูลภาครัฐเพื่อสร้างคุณค่าให้สังคม) ตอกย้ำภารกิจสถาบันฯ ในการเป็นผู้นำปลดล็อกศักยภาพข้อมูล (The Value Catalyst) ด้วยบทบาทของ BDI ที่ไม่ใช่แค่ผู้สร้างแพลตฟอร์ม แต่คือผู้เชี่ยวชาญในการ “สกัดคุณค่าจากข้อมูล (Extracting Value)” พร้อมแชร์กรณีศึกษาและเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) เพื่อเปลี่ยนข้อมูลดิบภาครัฐให้กลายเป็นองค์ความรู้ (Insight) ที่นำไปใช้ตัดสินใจเชิงนโยบายได้จริง นอกจากนี้ภายในงานยังมีจัดกิจกรรมฝึกอบรมเสริมความรู้และทักษะด้านดิจิทัล หลักสูตร Smart Prompt, Smart Work: ใช้พรอมต์อย่างชาญฉลาดเพื่อการทำงานที่เหนือกว่า โดย ดร.ปริสุทธิ์ จิตต์ภักดี ผู้จัดการฝึกอบรมและพัฒนาการจัดการข้อมูล ฝ่ายพัฒนากำลังคน BDI พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ BDI ได้ร่วมจัดแสดงนิทรรศการโซน A: “Building a Competitive & Secure Nation” โชว์ศักยภาพแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration & Intelligence Platform (D2) เพื่อมุ่งมั่นในการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากหลากหลายภาคส่วน เสริมสร้างการวางแผนเชิงนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็น Data-Driven Nation อย่างแท้จริง
19 September 2025
BDI เสนอแดชบอร์ดวิกฤตภูมิอากาศ ในงาน Social Development Expo 2025
17-18 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดยโครงการแพลตฟอร์มการเชื่อมโยงและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (ดีทู) หรือ Data Integration and Intelligence Platform (D2) และโครงการแพลตฟอร์มบริการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Envi Link ร่วมจัดนิทรรศการพร้อมนำเสนอแดชบอร์ดภายในงาน Social Development Expo 2025 (SDx 2025) จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ธีมงาน “Demographic and Climate Crises” ซึ่งมุ่งถอดรหัสวิกฤตโครงสร้างประชากรและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกำลังเผชิญ งาน SDx 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่เปิดพื้นที่ให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์การระหว่างประเทศมาร่วมกันแลกเปลี่ยนมุมมองและสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ในการรับมือกับปัญหาซับซ้อนระดับโลกที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้คน การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการนำเสนอผลงาน แต่ยังเป็นเวทีเชื่อมโยงความคิดและนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายได้จริง BDI ได้นำเสนอผลงานนิทรรศการ “Humanity x Data: Building Resilient Futures” โดยนำเสนอแดชบอร์ดที่บูรณาการข้อมูลจาก 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ข้อมูลฝุ่น PM 2.5), กระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูลผู้ป่วยโรคจากมลพิษทางอากาศ) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ข้อมูลครัวเรือนเปราะบาง) เพื่อสะท้อนภาพรวมของความเปราะบางในแต่ละพื้นที่ แดชบอร์ดนี้ทำหน้าที่เสมือน “แผนที่ประเมินวิกฤต” ที่ชี้ให้เห็นว่าแต่ละจังหวัดควรเตรียมรับมือวิกฤตสิ่งแวดล้อมและจัดสรรสวัสดิการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางอย่างไร การจัดทำแดชบอร์ดครั้งนี้ยังสะท้อนศักยภาพของแพลตฟอร์มดีทูที่ BDI พัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกภาคส่วน สำหรับการวิเคราะห์ พัฒนา และต่อยอดนวัตกรรม เพื่อจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และเพิ่มมูลค่าของข้อมูลภาครัฐ สร้างสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นวัตกรรมที่นำเสนอ จึงไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าด้านการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศไทย แต่ยังสะท้อนมุมมองของ BDI ที่มุ่งใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างสังคมที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภูมิอากาศหรือโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
18 September 2025
BDI ผู้แทน รมว.ดีอี ประกาศแผนรัฐบาลไทยเดินหน้า National AI ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน AI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
17 กันยายน 2568, สาธารณรัฐประชาชนจีน – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เข้าร่วมเสวนาในงาน The RCEP High-Level Dialogue on Economic and Trade Cooperation Banquet Hall ในหัวข้อ “Harnessing digital economy and AI innovations for enhancing CAFTA 3.0 and RCEP economic and Trade Collaboration” ณ หนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 300 คน ศ. ดร.ธีรณี กล่าวว่า รัฐบาลไทยประกาศเดินหน้า โครงการแห่งชาติด้านปัญญาประดิษฐ์ (National AI Program) เพื่อผลักดันการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เน้นการยกระดับ “ความพร้อม” และ “การประยุกต์ใช้” AI อย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติ โดยตั้งเป้าฝึกอบรมประชาชนกว่า 10 ล้านคนให้มีความรู้ด้าน AI และสร้างบุคลากรผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยกว่า 50,000 คน เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แบบโอเพ่นซอร์ส การจัดตั้ง National Data Bank เพื่อรวมฐานข้อมูลภาครัฐ และการสร้าง Regulatory Sandbox สำหรับทดลองใช้กฎระเบียบและมาตรฐานก่อนนำ AI มาใช้จริง ซึ่งจะช่วยรองรับการลงทุนจากทั่วโลก และสนับสนุนการเติบโตของผู้ประกอบการไทยทั้ง SME และ Startup ในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเร่งผลักดันการนำ AI ไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนที่มีผลต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง เช่น การแพทย์ การศึกษา การเกษตร การเงิน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการผลิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน โดยมีกลไกสำคัญ คือ การจัดตั้ง National AI Consortium เพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม ควบคู่ไปกับการจัดตั้ง AI Centers of Excellence ใน 10 ด้านสำคัญ ได้แก่ การศึกษา อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การเกษตร การผลิต สุขภาพและการแพทย์ การท่องเที่ยว แบบจำลองภาษาไทย (LLM) ศูนย์ประมวลผล AI ของรัฐบาล ศูนย์ทดสอบมาตรฐาน AI และ ความมั่นคงและความปลอดภัย เพื่อพัฒนานวัตกรรมและระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง เป้าหมายสูงสุด คือ การทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้าน AI ที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
17 September 2025
BDI โชว์การประยุกต์ใช้ Big Data และ AI หนุนกำหนดนโยบาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-สังคม เติบโตทุกมิติอย่างมีทิศทาง
16 กันยายน 2568, ชลบุรี – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ดร.สุนทรีย์ ส่งเสริม รองผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เข้าร่วมบรรยายพิเศษหัวข้อ Big Data & AI : Introduction and Use Cases ในงานสัมมนาคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ณ โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ พัทยา จังหวัดชลบุรี ดร.สุนทรีย์ เล่าถึงการทำงานของ BDI ในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มจัดตั้งเพื่อทำหน้าที่หลักในการเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อขับเคลื่อนประเทศ โดยมีพันธกิจสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล ที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจเชิงนโยบายและการบริการประชาชนในทุกภาคส่วน BDI ได้พัฒนาระบบและแพลตฟอร์มที่สำคัญ อย่างเช่น CO-Link ที่เชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการผู้ป่วยและทรัพยากรในช่วงวิกฤตโควิด-19 และ Election Dashboard ที่ช่วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง รายงานผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ปัจจุบัน BDI กำลังเร่งพัฒนาโครงการสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจและสังคม เช่น “โครงการ Health Link” ที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างโรงพยาบาลและสถานพยาบาล “โครงการ Travel Link” ที่เปิดเผยข้อมูลการเดินทางเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและบริการสาธารณะ “โครงการ Provincial Data Platform” ที่มุ่งสร้างฐานข้อมูลระดับจังหวัดเพื่อสนับสนุนการวางนโยบายเชิงพื้นที่ รวมถึง “โครงการ Envi Link” ด้านสิ่งแวดล้อมที่ช่วยสนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ต ก้าวสู่เมืองปลอดคาร์บอนด้วยการใช้ข้อมูลจากกล้อง CCTV สำหรับ BDI มีบุคลากรเชี่ยวชาญด้านข้อมูลกว่า 60% ในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เน้นการสร้างเครื่องมือและระบบที่ใช้งานครั้งเดียว แต่สร้างประโยชน์ได้หลากหลายมิติ นอกจากนี้ BDI ยังได้ร่วมมือกับอีก 4 หน่วยงานชั้นนำด้าน AI และ LLM ประกอบด้วย NECTEC, VISTEC, AIEAT และ AIAT พัฒนา ThaiLLM ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาษาไทย แบบ Open Source/Open License ที่เข้าใจบริบทของภาษาและวัฒนธรรมไทย เพื่อให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และนักเทคโนโลยี สามารถนำไปใช้งานและต่อยอดได้อย่างกว้างขวาง สุดท้าย ดร.สุนทรีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว BDI ยังยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) โดยเน้นการแก้ไขปัญหา Data Silo จัดการสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูล ยกระดับคุณภาพและการเปิดเผยข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ ตลอดจนการส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) และความปลอดภัยทางไซเบอร์ งานสัมมนาในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. โดยผู้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหาร เพื่อพัฒนาทักษะ ยกระดับคุณภาพการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง สู่การขับเคลื่อนภารกิจองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ เติบโตแบบมีทิศทาง
16 September 2025
ผอ. BDI โชว์วิสัยทัศน์การนำ AI มาประยุกต์ใช้ในทุกมิติขององค์กร ปรับโฉมภาครัฐ รวดเร็ว โปร่งใส พร้อมรับใช้ประชาชน
15 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เข้าร่วมเสวนาหัวข้อ “Benefits and Challenges of AI in Government Operations” ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ Agentic AI for Public Leadership: Ethics, Innovation & Adoption เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (Chief Information Officer: CIO) ของหน่วยงานรัฐ เข้าใจกรอบแนวทางการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและปลอดภัย รวมถึงช่วยในการกำหนดนโยบายและแผนการนำไปใช้จริง ณ โรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ การเสวนาครั้งนี้ ศาสตราจารย์ ดร.ธีรณี โชว์วิสัยทัศน์การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ในการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระงานซ้ำซ้อน และสร้างระบบการตัดสินใจที่รวดเร็ว โปร่งใส มุ่งผลักดันประเทศไทยก้าวสู่ “หน่วยงานอัจฉริยะ (Thai Intelligence Agency)” อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกตัวอย่างการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการตรวจสอบ การสร้างระบบตอบคำถามด้านระเบียบจัดซื้อจัดจ้างอย่างเป็นมาตรฐาน การใช้ข้อมูลจากต่างประเทศเพื่อพัฒนายุทธศาสตร์ และการพัฒนาแดชบอร์ด ที่ช่วยประเมินผลการทำงานแบบครบถ้วนและทันสมัย โดย BDI ได้เริ่มนำ AI มาใช้ในหลายมิติ เพราะ AI ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยี แต่เป็นพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง สามารถมองเห็นระบบราชการที่ทำงานรวดเร็ว โปร่งใส และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง พร้อมตอกย้ำ BDI เดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจสู่การเป็นศูนย์กลางในการผลักดันและสนับสนุนการนำ AI ไปปรับใช้ในทุกระดับของหน่วยงานภาครัฐ สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ จัดขึ้นโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อสำรวจเชิงลึกเกี่ยวกับ Agentic AI และศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของภาครัฐ เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรของรัฐ ให้มีความรู้ วิสัยทัศน์ และทักษะที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อจัดการระบบ Agentic AI อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการกำหนดนโยบายที่รอบคอบเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านจริยธรรมและความปลอดภัย สู่การขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
15 September 2025
ผอ.BDI ชูจุดเด่นประเทศไทยสู่การลงทุนเทคโนโลยี AI สร้างความมั่นคง-ลดการพึ่งพาต่างชาติ พร้อมโชว์แผนรัฐบาลจัดตั้ง National AI Consortium
11 กันยายน 2568, กรุงเทพฯ – สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หรือ BDI โดย รศ. ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ การขับเคลื่อนศูนย์ความเชี่ยวชาญด้าน AI โดยภาคีเครือข่ายรัฐ-เอกชน (Driving AI Centers of Excellence through Public-Private Networks) ภายในการประชุมวิชาการเนื่องในการเฉลิมฉลอง 100 ปีราชบัณฑิตยสภา การประชุมสุดยอดว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย 2568 เพื่อการพัฒนาความพร้อมด้านปัญญาประดิษฐ์สำหรับประเทศไทย (Thailand National AI Summit 2025 Advancing AI Readiness for Thailand) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ รศ. ดร.ธีรณี กล่าวถึงความสำคัญของการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นคงและลดการพึ่งพาต่างประเทศ โดยประเทศไทยสามารถมุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อนำเสนอจุดเด่นเฉพาะด้าน (Niche Areas) เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์และสุขภาพแบบมีเอกลักษณ์พื้นบ้าน รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยสนับสนุนงานด้านสมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry) ที่สามารถดึงดูดการถ่ายทำหนังและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ในด้านกลยุทธ์ การลงทุนและนโยบายที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ประเทศไทยสามารถหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) ด้วยการเน้นการพัฒนาทักษะบุคลากรในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่กลุ่ม Technical ไปจนถึงวิศวกร AI รวมทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูลขนาดใหญ่ที่รองรับการเทรนโมเดลภาษาไทยและเป็นฐานให้กับบริษัท Startups ในการสร้างแชทบอท บริการด้านต่าง ๆ โดยมีแนวคิดให้เกิดการสร้าง AI Open Source เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมต่อรองกับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นอธิปไตยด้านข้อมูล (Data Sovereignty) โดยต้องมีการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในภาษาไทย รวมถึงการพัฒนากลไกการออกกฎหมายและแนวทางการจัดการด้าน AI อย่างรับผิดชอบและโปร่งใส รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน ผ่านความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเกาหลี เพื่อสร้างกลุ่มอาเซียนที่สามารถแข่งและร่วมมือกันด้าน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญประเทศไทยต้องวางแนวทางการรับมือกับความท้าทายจากการแข่งขันระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ในการสร้างสมดุลและความเป็นกลาง (Neural hope) โดยการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน ร่วมมือในระดับภูมิภาค และเน้นสร้างความร่วมมือแบบ National AI Consortium เพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาสังคม ควบคู่ไปกับการจัดตั้ง AI Centers of Excellence ใน 10 ด้านสำคัญ เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศอย่างยั่งยืนในยุค AI สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) ได้อย่างเต็มรูปแบบต่อไป
11 September 2025