AI Co-worker เพื่อนร่วมงานดิจิทัล: พลิกโฉมกระบวนการทำงานขององค์กรยุคใหม่ 

AI Co-worker เพื่อนร่วมงานดิจิทัล: พลิกโฉมกระบวนการทำงานขององค์กรยุคใหม่ 

24 มิถุนายน 2568

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) กำลังกลายเป็นกระแสสำคัญที่พลิกโฉมรูปแบบการทำงานในยุคปัจจุบัน องค์กรทั่วโลกต่างเร่งลงทุนในเทคโนโลยี AI รวมมูลค่านับพันล้านดอลลาร์ โดยในสหรัฐอเมริกา มีถึง 92% ของบริษัทที่วางแผนเพิ่มงบประมาณด้าน AI อย่างไรก็ตาม กลับมีเพียงส่วนน้อยที่เชื่อมั่นว่าบริษัทของตนมีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการนำ AI ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รายงานวิจัยหลายฉบับประเมินว่า AI จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจโลกได้สูงถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 ขณะเดียวกัน World Economic Forum ได้คาดการณ์ว่า Generative AI จะเข้ามามีบทบาทในประมาณ 40% ของชั่วโมงการทำงานทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลให้ลักษณะงานของแรงงานจำนวนมากเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก กล่าวได้ว่า AI ในฐานะผู้ช่วยยุคใหม่ กำลังเข้ามาทำงานที่มีลักษณะซ้ำซ้อนแทนมนุษย์ และในขณะเดียวกันยังช่วยเสริมศักยภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ และเปิดโอกาสใหม่ในการทำงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 

AI ในบทบาทของ “เพื่อนร่วมงานดิจิทัล” กำลังเข้ามาช่วยลดเวลาในการทำงานในแต่ละภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานวิจัยจากสถาบัน MIT ระบุว่า เครื่องมืออย่าง ChatGPT ช่วยให้พนักงานสามารถเขียนอีเมล เอกสาร และบทวิเคราะห์ได้เร็วขึ้นถึง 40% ขณะเดียวกัน การใช้ AI ในการเขียนโค้ดช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ถึง 56% ในแวดวงการแพทย์ ระบบ Generative AI ของ Northwestern Medicine ถูกนำมาใช้ในการร่างรายงานทางรังสีวิทยาโดยอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพได้ 15–40% โดยบางกรณีสามารถช่วยให้รังสีแพทย์ปฏิบัติงานได้เร็วขึ้นเป็นสองเท่า สำหรับภาคบริการ หลายองค์กรเริ่มนำระบบ chatbot มาใช้เพื่อตอบคำถามทั่วไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสามารถจัดการคำถามเบื้องต้นแทนเจ้าหน้าที่ได้ถึง 80% อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เครื่องมือ AI จึงมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ช่วยด้านการจัดตารางงาน การให้บริการลูกค้า การร่างสัญญา และการวางแผนข้อมูล ส่งผลให้พนักงานมีเวลาไปมุ่งเน้นงานที่สร้างคุณค่าและผลลัพธ์เชิงกลยุทธ์มากยิ่งขึ้น 

ปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานในหลายภาคส่วน เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการดำเนินงาน ตัวอย่างที่ชัดเจน ได้แก่ 

  • งานเขียนและการเขียนโปรแกรม เทคโนโลยี Generative AI ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการร่างรายงาน อีเมล การเขียนโปรแกรม และบทวิเคราะห์ต่าง ๆ ช่วยลดระยะเวลาในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  • ด้านการแพทย์ ระบบ AI ถูกพัฒนาให้สามารถวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์และร่างรายงานล่วงหน้า โดยไม่ลดความแม่นยำ ตัวอย่างเช่น Northwestern Medicine ใช้ระบบ AI เพื่อช่วยให้รังสีแพทย์สามารถรายงานผลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเพิ่มประสิทธิภาพระหว่าง 15–40% 
  • บริการลูกค้า ระบบ chatbot และ voice agent ถูกนำมาใช้เพื่อให้บริการตอบคำถามทั่วไปแทนเจ้าหน้าที่ เช่น แพลตฟอร์มสวัสดิการพนักงานแห่งหนึ่งสามารถตอบคำถามเบื้องต้นแทนเจ้าหน้าที่ได้มากถึง 80%  
  • การผลิตและโลจิสติกส์ ระบบ predictive maintenance และ digital twin ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน OECD ระบุว่าหลายโรงงานได้นำ AI มาใช้ในงานซ่อมบำรุง ตัวอย่างเช่น BMW ทดลองใช้ AI ในการวางแผนห่วงโซ่อุปทาน และ UPS พัฒนา digital twin เพื่อจำลองเครือข่ายการขนส่งแบบเรียลไทม์ 
  • การเงินและบริการวิชาชีพ AI ถูกนำมาใช้ในการสร้างรายงานอัตโนมัติ การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance) และการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ machine learning เพื่อตรวจจับการทุจริต วิเคราะห์พอร์ตการลงทุน และตรวจสอบเนื้อหาของสัญญา 

เครื่องมือ AI เหล่านี้กำลังมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการตัดสินใจขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ การสำรวจหนึ่งระบุว่า 80% ของพนักงานที่ใช้ AI เชื่อว่าเครื่องมือดังกล่าวช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการขายและการตลาด AI ยังสามารถช่วยปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม และสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้รวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลให้ความเร็วในการตัดสินใจและการดำเนินกลยุทธ์ขององค์กรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ข้อมูลจากงานวิจัยระดับโลก 

ผลการวิจัยจากหลายแหล่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานของ McKinsey ในปี 2025 ระบุว่า กว่า 75% ของบริษัททั่วโลกได้เริ่มนำ AI มาใช้ในอย่างน้อยหนึ่งฟังก์ชันขององค์กร และเกือบทุกบริษัทมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในด้าน AI ขณะที่รายงานของ Thomson Reuters คาดการณ์ว่า ในอนาคตอันใกล้ มากกว่า 50% ของรูปแบบงานจะมีความเกี่ยวข้องกับ AI โดยตรง โมเดลเศรษฐศาสตร์ของ McKinsey ยังประเมินว่า เทคโนโลยี Generative AI เพียงอย่างเดียว อาจสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ถึง 0.6% ต่อปี ภายในปี 2040 

ในด้านมุมมองของแรงงาน รายงานของ OECD พบว่า พนักงาน 4 ใน 5 คนที่ได้ใช้งาน AI ระบุว่าประสิทธิภาพในการทำงานของตนดีขึ้น และ 3 ใน 5 คนรู้สึกว่างานของตนสนุกมากขึ้น การใช้ AI อย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดความต้องการในการพัฒนาทักษะและฝึกอบรมเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ พนักงานมีแนวโน้มที่จะมองเห็นศักยภาพของ AI มากกว่าผู้บริหารถึง 3 เท่า ขณะเดียวกัน ซีอีโอจำนวนมากยังรับรู้ถึงความเสี่ยงในการสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน หากองค์กรของตนปรับตัวด้าน AI ได้ล่าช้า โดยถึง 32% ของซีอีโอเห็นว่าเรื่องนี้เป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องเร่งรับมือ 

โอกาสและความท้าทายในการใช้งาน AI 

แม้ว่าประสิทธิภาพของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่การนำ AI เข้ามาใช้งานในองค์กรยังคงมาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม ผู้บริหารบางรายรายงานว่าการเปลี่ยนผ่านสู่นวัตกรรมใหม่ในช่วงเริ่มต้นอาจทำให้กระบวนการทำงานสะดุด เช่น กำลังการผลิตของโรงงานบางแห่งลดลงในระหว่างการปรับปรุงระบบ แม้ AI จะช่วยลดภาระจากงานที่ซ้ำซากและใช้เวลามาก แต่ก็อาจกระทบต่อแรงจูงใจภายในของพนักงานในงานด้านอื่น ๆ ที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ พนักงานจำนวนไม่น้อยยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาว งานสำรวจของ OECD พบว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามกังวลว่า AI อาจเข้ามาแทนที่งานของตนภายใน 10 ปีข้างหน้า และ 40% กังวลว่า AI อาจส่งผลกระทบต่อระดับรายได้หรือความมั่นคงในสายอาชีพของตน 

นอกจากผลกระทบด้านแรงงาน ยังมีประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว อคติในอัลกอริทึม และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ทั้งนี้ รายงานของ McKinsey ระบุว่า พนักงานเกือบครึ่งหนึ่งแสดงความกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำและความปลอดภัยของระบบ AI ผู้เชี่ยวชาญจึงเห็นพ้องว่าการกำกับดูแล AI อย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็น องค์กรควรแต่งตั้งผู้นำที่ชัดเจนสำหรับการขับเคลื่อนด้าน AI ออกแบบกระบวนการทำงานใหม่อย่างมีระบบ และสร้างความไว้วางใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การฝึกอบรมพนักงานให้สามารถใช้ AI อย่างรับผิดชอบ การตรวจสอบความลำเอียงของอัลกอริทึม และการกำหนดบทบาทความรับผิดชอบอย่างชัดเจน ล้วนเป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนการใช้งาน AI อย่างยั่งยืน 

ผู้นำหลายภาคส่วนยอมรับว่า แม้งานบางประเภทอาจได้รับผลกระทบจาก AI แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสในการสร้างทักษะใหม่ ๆ ขึ้นมา รายงานของ World Economic Forum (WEF) ชี้ว่า Generative AI มีศักยภาพในการยกระดับคุณภาพของงาน เพิ่มความหมายของการทำงาน และลดภาระจากงานที่น่าเบื่อและซ้ำซาก อย่างไรก็ตาม ผู้กำหนดนโยบายของสหภาพยุโรป (EU) ได้เตือนว่า 23–29% ของงานในปัจจุบันอยู่ในกลุ่มที่มี “ความเสี่ยงสูง” ที่จะถูกแทนที่โดย AI อย่างไรก็ดี งานเหล่านี้อาจไม่หายไปทั้งหมด เพราะ AI อาจเข้ามาเติมเต็มขีดความสามารถของมนุษย์ เปลี่ยนผู้เริ่มต้นให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ 

นักวิจัยส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า องค์กรที่นำ AI มาใช้อย่างจริงจัง ควบคู่กับการลงทุนด้านบุคลากร จริยธรรม และความรับผิดชอบ จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน งานวิจัยของ McKinsey ย้ำชัดว่า องค์กรที่มอง AI เป็นเครื่องมือสนับสนุนและเสริมศักยภาพของพนักงาน จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีผลลัพธ์ชัดเจน และวัดผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างเป็นรูปธรรม 

ดังนั้น ผู้นำที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างการนำนวัตกรรมใหม่เข้าสู่องค์กร การวางกรอบกำกับดูแลที่เหมาะสม และการพัฒนาทักษะของพนักงานอย่างต่อเนื่อง คือผู้ที่จะพาองค์กรก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคงในยุคแห่ง AI 

บทสรุป: ก้าวสู่อนาคตด้วย AI อย่างมีวิสัยทัศน์และความรับผิดชอบ 

AI กำลังเปลี่ยนโฉมโลกของการทำงานอย่างรวดเร็วและลึกซึ้ง ทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขัน และการยกระดับศักยภาพของบุคลากร แม้จะมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ ทั้งในเรื่องความพร้อม แรงงาน และจริยธรรม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์องค์กรยุคใหม่ การใช้ AI อย่างชาญฉลาดไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี หากแต่รวมถึงการลงทุนในบุคลากร การออกแบบระบบกำกับดูแลที่เหมาะสม และการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดรับการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ผู้นำที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความรับผิดชอบ จะเป็นกำลังสำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน 

AI จึงไม่ใช่เพียงเครื่องมือทางเทคโนโลยี แต่เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่สามารถผลักดันองค์กรให้พร้อมเผชิญความเปลี่ยนแปลง และสร้างคุณค่าใหม่ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ 

เอกสารอ้างอิง 

https//www.mckinsey.com/capabilities/mckinsey-digital/our-insights/superagency-in-the-workplace-empowering-people-to-unlock-ais-full-potential-at-work 

https//www.pwc.com/gx/en/issues/artificial-intelligence/wef-leveraging-generative-ai-for-job-augmentation-and-workforce-productivity-2024.pdf 

https//hbr.org/2025/03/how-is-your-team-spending-the-time-saved-by-gen-ai 

https//www.news-medical.net/news/20250606/Generative-AI-system-from-Northwestern-doubles-radiology-efficiency.aspx 

https//cloud.google.com/transform/101-real-world-generative-ai-use-cases-from-industry-leaders 

https//www.weforum.org/publications/leveraging-generative-ai-for-job-augmentation-and-workforce-productivity/ 

https//www.mckinsey.com/capabilities/quantumblack/our-insights/the-state-of-ai 

https//www.thomsonreuters.com/content/dam/ewp-m/documents/thomsonreuters/en/pdf/reports/future-of-professionals-report-2024.pdf 

https//www.reuters.com/technology/artificial-intelligence/if-ai-doesnt-kill-your-company-it-will-make-it-stronger-study-shows-2025-04-01/ 

https//hbr.org/2025/05/research-gen-ai-makes-people-more-productive-and-less-motivated 

Senior Data Management Training and Development Specialist at Big Data Institute (Public Organization), BDI

แบ่งปันบทความ

กลุ่มเนื้อหา

แท็กยอดนิยม

แจ้งเรื่องที่อยากอ่าน

คุณสามารถแจ้งเรื่องที่อยากอ่านให้เราทราบได้ !
และเราจะนำไปพัฒนาบทความให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ “นโยบายคุ้กกี้” และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ “ตั้งค่า”

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ BDI ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ BDI รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ BDI ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ BDI ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ BDI จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ BDI ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ BDI แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.